วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

๊ื๊ืUnbox : Sweet Tumbler แก้วลายสดใส แก้กระหายแถมได้บุญ!



       สวัสดีครับชาวคนรักกาแฟทุกคน สำหรับคอกาแฟแล้วผมเชื่อทุกคนย่อมต้องมี Tumbler ใบเก่งของตัวเองไว้ใส่กาแฟดื่มยามทำงานหรือแม้กระทั่งตอนออกเดินทางนอกบ้านเป็นแน่แแท้ อย่างน้อยๆ ก็คง 2-3 ใบโดยประมาณตามแต่ว่ารูปลักษณ์หรือลักษณะของ Tumbler นั้นๆ จะโดนตาต้องใจมากน้อยกันแค่ไหน อย่างผมนี่เยอะครับ เรียกได้ว่าเป็นพวกบ้าแก้ว บ้าสมบัติละกัน เห็นเจ้าไหนออกมาสวย โดน เป็นต้องเสีียเงิน แต่ที่จะใช้จริงๆ มีไม่เกิน 2 ใบเท่านั้นครับ ที่เหลือเอาไว้ติดบ้านประดับความอยาก อิ อิ


       แต่สำหรับใครที่ยังหา Tumbler สวยๆ หรือเหมาะกับการใช้งานไม่ได้ วัีนนี้ผมขอแนะนำ Tumbler ขนาด 22 ออนซ์ของค่ายกาแฟ VPP ครับ ซึ่งเจ้า Tumbler ที่ว่านี้ราคาไม่แพงมากเหมือนกับ Tumbler   แบรนด์ดังๆ อีกทั้งรายได้จากการขาย Tumbler นี้ทุกใบยังกลับคืนสู่สังคมอีกด้วยครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปดูกันดีกว่าครับว่าเจ้า Tumbler ที่ว่ามีรายละเอียดหรือหน้าตาเป็นอย่างไรกัน เชิญครับ


       หากยังพอจำกันได้ช่วงเวลาประมาณเดือนนี้ของปีที่แล้วทาง VPP ได้ออกแก้ว Tumbler สำหรับบรรจุเครื่องดื่มเย็นขึ้นมารุ่นหนึ่ง โดยมีลักษณะเป็นแก้วทึบขนาด 22 ออนซ์เก็บเครื่องดื่มเย็นได้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงโดยจัดจำหน่้ายที่ counter ของ Food Court Tesco Lotus ทั่วประเทศ โดยมีจุดขายคือต้องการให้คนไทยได้ดื่มกาแฟคุณภาพในราคาไม่แพงมาก ถึงแม้จะไม่ใช่กาแฟสด 100% เสียทีเดียวแต่อย่างน้อยเมล็ดกาแฟที่นำมาผลิตก็ได้คุณภาพภายใต้โครงการกาแฟ Omkoi Coffee Estate (อมก๋อย คอฟฟี่ เอสเตท) อันเป็นโครงการส่งเสริมอาชีพและสร้างรายไำด้ให้แก่ชุมชนผ่านการเพาะปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า


       ในปีที่แล้วทาง VPP ได้จัดแคมเปญพ่วงแก้ว Tumbler นอกจากจะได้ดื่มกาแฟ ที่มีคุณภาพจากดอยสูงแล้ว เงิน 1 บาทจากการซื้อ Tumbler ทุกๆ 1 แก้ว จะมอบกลับคืนให้กับเด็กและเยาวชนในโครงการดื่มเพื่อน้อง ซึ่งครั้งนั้นแคมเปญนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้นในปีนี้ทาง VPP จึงจัดแคมเปญนี้ขึ้นมาอีกครั้งภายใต้โครงการดื่มเพื่อน้องปีที่ 3 โดยในปีนี้ รายได้จากการซื้อ Tumbler 1 ใบจะบริจาค 10 บาทให้กับเด็กและเยาวชนที่อยู่ในโครงการดื่มเพื่อน้อง อีกทั้งผู้ที่ซื้อ Tumbler ไปยังสามารถนำ Tumbler มาเติมเครื่องดื่มในเครือ VPP ที่ Tesco Lotus ทุกสาขาได้ราคาเพียง 29 บาทเท่านั้นจากราคาปกติ 35 บาท ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 เลยทีเดียว เรีัยกได้ว่าดับกระหายและได้ทำบุญไปในเวลาเดียวกันเลย


       ส่วนใครที่ยังกังวลว่าเจ้าแก้ว Sweet Tumbler ที่ว่านี้จะมีราคาสูงหรือไม่ตัดประเด็นนี้ไปได้เลยครับ เพราะเจ้าแก้ว Tumbler นี้ซื้อครั้งแรกราคาเพียง 79 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังแถมเครื่องดื่มของ VPP ให้ฟรีในครั้งแรกอีกด้วยบวกลบคูณหารแล้วราคาแก้ว Tumbler ไม่ถึง 40 บาทเลยครับ สำหรับของดีราคาถูกแบบนี้ปัจจุบันหาได้ไม่ง่ายแล้วนะครับ


       แก้ว Tumbler รุ่นนี้จะเป็นแก้วใส เก็บได้เฉพาะเครื่องดื่มเย็นและมีลวดลายให้เลือก 3 แบบด้วยกันตามแต่ชอบใจ ซึ่งจากการทดสอบดูแล้วเก็บความเย็นได้หลายชั่วโมงเหมือนกันครับ ขนาดดูไม่สูงใหญ่มาก ทำให้พกพาได้สะดวก สีสันลวดลายก็ไม่ฉูดฉาดเกินไปนัก ทำให้สามารถพกพาไปลุยได้ทุึกสถานการณ์


       มาจนถึงบรรทัดนี้แล้วเชื่อว่าหลายๆ คนคงอยากได้ครอบครองเป็นเจ้าของเป็นแน่แท้ ก็ไม่ยากครับแค่เพียงแวะ Food Court ของ Tesco Lotus บริเวณซุ้มขายเครื่องดื่มหรือสัญลักษณ์ด้านล่างนี้รับรองได้ว่าไม่ผิดหวังครับ ก่อนจากกันขอย้ำเตือนไว้ว่าถึงแม้โครงการนี้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 แต่ก็อย่าชะล่าใจมาซื้อกันในวันหลังๆ นะครับ เพราะเจ้า Sweet Tumbler แสนหวานนี้ "มีจำนวนจำกัด" ครัีบ สวัสดี


                                                                                กาลาโต้

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Cupping Street : ดำแต่นอกในแผ้ว ผ่องเนื้อ นพคุณ (จบ)


       สวัสดีครับเพื่อนพ้องคนรักกาแฟทุกคน คราวนี้ห่างหายกันไปเกือบเดือนด้วยสาเหตุว่าอุปกรณ์ถ่ายภาพที่บรรจุภาพร้านกาแฟต่างๆที่จะนำมาลงรีวิวเกิดขัดข้องทำให้ต้องส่งซ่อมโดยที่ยังไม่ทันได้ back up ข้อมูลทำให้ภาพต่างๆ มลายหายไปจนหมดสิ้นและต้องเริ่มตระเวนเก็บภาพเพื่อนำมารีวิวกันใหม่เลยทำให้ช่วงที่ผ่านมาไม่มีบทความมานำเสนอบน blog ตอนนี้พอเริ่มจะมีภาพที่ถ่ายมาใหม่แล้วบ้างจึงได้กลับมาทำหน้าที่ตามเดิมครับ


       คราวที่แล้วทิ้งท้ายกันไว้ถึงร้านกาแฟที่ไม่ได้เลิศหรู แต่รสชาติประทับใจ อันน่าจะเป็นร้านกาแฟตัวอย่างที่ร้านกาแฟขนาดเล็กหรือแม้แต่ระดับ kiosk ควรน่าจะเอาตามอย่างวันนี้ได้ฤกษ์มาเฉลยกันแล้วครับ ร้านที่ว่านี้ก็คือร้าน "Tie Coffee" นั่นเอง


       ร้าน Tie Coffee ที่ว่านี้บางท่านอาจจะคิดถึงร้านขนาดพอดีๆ มีที่นั่งพอสมควรหรือแม้กระทั่งการตกแต่งร้านที่ดูน่าจะลงตัว หากแต่ร้าน Tie Coffee ที่ผมกำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ไม่มีสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเลยครับเป็นเพียงซุ้มกาแฟเล็กๆ อยู่บริเวณหน้าร้านขายข้าวมันไก่เท่านั้นเอง ดูไม่น่าจะลงตัวเข้ากันได้นะครับแต่เชื่อไหมว่าเห็นแบบนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว


       จุดเด่นที่สำคัญของร้าน Tie Coffee ไม่ได้อยู่ที่ทำเลแต่อย่างใด เพราะถึงแม้ว่าจะตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านข้าวมันไำก่ซึ่งมีโอกาสที่จะมีลูกค้าผ่านมามากกว่าปกติก็ตามที แต่ร้านข้าวมันไก่ที่ว่านั้นไม่ได้ตั้งอยู่ริมถนน ต้องเดินเข้าซอยเข้ามาแถมด้านหน้าถนนยังมีตึกกั้นบังอยู่ด้วย ดังนั้นความน่าจะเป็นเรื่องทำเลจึงเป็นเรื่องรองไปโดยปริยาย แล้วถ้าอย่างนั้นจุดเด่นสำคัญอยู่ตรงไหนล่ะ?


       คำตอบของคำถามข้างต้นก็คืออยู่ที่ความรักในอาชีพและการบริหารร้านกาแฟที่เป็นระบบยังไงล่ะครับ!!!


       คนที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตนเองทำได้นั้นอย่างแรกเลยต้องรู้สึก "ชอบ" และ "รัก" ในสิ่งที่ตนเองทำเสียก่อน เมื่อตนเองทำได้เช่นนั้นจึงจะสามารถทำให้คนอื่น "ชอบ" และ "รัก" ในสิ่งที่เราทำอยู่ไำด้ เชื่อไหมครับท่านผู้อ่านว่าเจ้าของร้านกาแฟรวมถึงลูกจ้างของร้านกาแฟร้านนี้ พื้นฐานดั้งเดิมเป็นคนที่ไม่กินกาแฟ เข้าทำนอง ขายกาแฟแต่ไม่กินกาแฟ แล้วแบบนี้จะชงกาแฟได้อย่้างไร??? ก็ไม่ยากครับ เพราะเมื่อตกลงใจที่จะมาทำร้านกาแฟแล้วก็ต้องมีการทดลอง พัฒนาสูตรกาแฟ ให้เหมาะสม แม้จะไม่กินกาแฟแต่ก็ต้องมีการชิมเองบ้าง ให้คนอื่นลองชิมบ้าง เพื่อให้ได้กาแฟและสูตรที่ดีที่สุดมาบริการลูกค้า สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่ร้านกาแฟทุกร้านพึงมีเพื่อให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดีที่สุด ใครที่เคยคิดว่าร้านกาแฟที่เจ้าของไม่ทานกาแฟจะชงกาแฟไม่อร่อยนั้น อย่าเพิ่งคิดดูแคลนครับ เพราะบางทีอาจจะผ้าขี้ริ้วห่อทองก็เป็นได้


       จุดเด่นของร้าน Tie Coffee ถัดมาก็คือเรื่องวัตถุดิบและเมล็ดกาแฟ! ร้าน Tie Coffee นี้เค้าคัดแต่สินค้าที่ดีมีคุณภาพมาบริการให้กับลูกค้าโดยพยายามเน้นที่วัตถุดิบที่คุณภาพดี ราคาไม่แพงมาก มาบริการลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าได้กาแฟที่มีคุณภาพดี ราคาถูก ที่สำคัญเมล็ดกาแฟของที่นี่คั่วกันเอง ขายกันเอง ดังนั้นจึงการันตีความหอมและความสดใหม่ของกาแฟได้ครับ

       จุดเด่นต่อมา "ลูกค้าคือพระเจ้า"!!!

       เนื่องจากร้าน Tie Coffee มีกลุ่ม target ที่เน้นไปยังกลุ่มลูกค้าวัยทำงานเป็นหลัก ซึ่งลูกค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีเวลาจำกัด อีกทั้งส่วนใหญ่เป็นคนที่เคยกินและติดใจในรสชาติกาแฟสดของร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยมมาบ้าง ดังนั้น Tie Coffee จึงชูจุดขายด้วยความรวดเร็วในการชงกาแฟ อีกทั้งยังนำ concept "สั่งได้ตามใจคุณ" มาเป็นจุดขายของร้าน เรียกได้ว่าอยากได้รสชาติแบบไหน อ่อนเข้มเพียงใด สั่งได้ทุกแบบครับ พนักงานในร้านยินดีทำให้ตามที่ต้องการทุกอย่้าง ขนาดผมสั่ง Iced Latte เพียวๆ แบบไม่ใส่ syrup หรือน้ำตาลใดๆ เชื่อไหมครับรสชาติที่ออกมาเหมือนกับกาแฟสดเจ้าดังอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว เรียกได้ว่าถ้่าปิดตาชิมนี่ไม่รู้เลยว่าเป็นของเจ้าไหน อันนี้ต้องยอมยกนิ้วให้ร้าน Tie Coffee เลยทีเดียว


       และสิ่งสำคัญทื่สุดที่ผมอดที่จะพูดถึงไม่ได้นั่นก็คือการบริหารจัดการร้านอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ เชื่อไหมครับ ร้าน Tie Coffee นี้มีเจ้าของและพนักงานรวมแล้วแค่ 3 คนเท่านั้น แต่ๆละคนต่างก็ดูแลงานในส่วนของตนเองทำให้ทุกอย่างลงตัว : คนหนึ่งอยู่เบื้องหลังดูแลเรื่องการโปรโมท การจัดหาวัตถุดิบ, คนหนึ่งมีหน้าที่ชงกาแฟรอบเช้า, ส่วนอีกคนที่เหลือดูแลหน้าร้านทั่วไปและรับหน้าที่ชงกาแฟในรอบเย็น เพียงแค่นี้ทุกอย่างลงตัว แบ่งงานให้ง่าย พยายามคิดให้ง่าย แล้วทุกอย่างจะลงตัวเองครับ


       มาถึงบรรทัดนี้แล้วคุณผู้อ่านคงอยากจะรู้แล้วใช่ไหมครับว่าร้านที่ผมท้าทายให้ไปลองนี้ตั้งอยู่แถวไหน บอกให้ก็ได้ครับว่าอยู่แถวสะพานควาย ตรงสถานีรถไฟฟ้าสะพานควาย ลงจากสถานีรถไฟฟ้ามาจะเห็นตึกขนาดเล็กชื่อตรีนลินพลาซ่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้าน Boots จากนั้นเดินเข้าซอยไปนิดนึงจะเห็นร้านข้าวมันไก่มงคลวัฒนาครับ ร้าน Tie Coffee ก็ตั้งอยู่หน้าร้านข้าวมันไก่นั่้นเอง แนะนำว่าให้ไปก่อน 11 โมงหรือไม่ก็หลังบ่ายโมงครับ เพราะคนจะเริ่มน้อย ไม่ต้องรอนาน อ้อ ขอบอกอีกอย่างครับว่าข้าวมันไก่ร้านนี้เค้าอร่อยมากครับไม่ธรรมดาจริงๆ ใครอยากไปพิสูจน์คำรับรองของผม หรืออยากจะไปท้าทายในฝีมือคนชงของร้าน Tie Coffee ก็ไปลิ้มลองกันได้ครับ ร้านเค้าเปิดทุกวัน โดยคนชงกาแฟรอบเช้าชื่อน้อง"ปุ๊กกี้" และรอบบ่ายชื่อ "น้องแคท" ครับ ดีจริงสมคำโม้ของผมหรือไม่ อร่อยเหมือนที่ผมพูดหรือเปล่า การลองไปชิมเท่านั้นจึงจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ครับ สวัสดี


                                                                                                           กาลาโต้


วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Outside World : New Column For Coffee Lover In English Language



       Hello all coffee lovers! The column "Outside World" is the newest column in our blog which contain all about the interesting things in the world, not stricted only coffee. In this section you can find the new technology, the effective tools, the review of  quality F&B website that can be guided to you, the changing world in many industries, the guide for your traveling etc. Moreover it's shown you in ENGLISH!
     
       We know that there are some coffee lover fans all over the world some of them are not fluent in Thai language so we think this section can get in touch between you and us closely.

      Best Regards,

      9 Galato

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Cupping Street : ดำแต่นอกในแผ้ว ผ่องเนื้อ..นพคุณ

       สวัสดีครับเหล่าบรรดาผองเพื่อนคนรักกาแฟทุกท่าน ห่างหายกันไปช่วงสั้นๆ คิดถึงกันบ้างไหมครับ วันนี้กลับมาพร้อมกับบทความดีๆ ให้สมาชิกคนรักกาแฟได้อ่านกันเหมือนเช่นเคย รับรองได้ว่าไม่แพ้เรื่องก่อนหน้านี้แน่นอนครับ @^_^@

       หลังจากที่ผมทำ blog เรื่องของคนรักกาแฟ มาได้สักระยะหนึ่งก็มักมีอีเมล์และทวิตเตอร์มาถามกันอยู่เนืองๆว่า ทำไมรีวิวแต่ร้านกาแฟที่เป็นแบบ stand alone ทำไมไม่รีวิวร้านกาแฟเล็กๆ หรือร้านกาแฟที่เป็นแบบรถเข็นทุนจำกัดบ้าง บางท่านก็เขียนมาในทำนองตัดพ้อว่าสนใจแต่ร้านเลิศหรูไม่สนใจคีออสค์เล็กๆ อีกทั้งยังมีเพื่อนที่รู้จักกันบางท่านถึงขนาดส่งภาพและพิกัดร้านที่ตัวเองเปิดอยู่มาให้เขียนรีวิวลง blog โดยใช้คำว่า "เพื่อนกันช่วยโปรโมทให้หน่อย" หรือไม่ก็ "ช่วยๆกันหน่อย" ซึ่งทำความลำบากใจให้ผมพอควรเลยทีเดียว ผมจึงคิดอยู่นานว่าจะอธิบายให้แฟนานุแฟนใน blog นี้รวมไปถึงมิตรรักแฟนเพจที่ส่งเมล์ ทวิตเตอร์หรือแม้กระทั่งเฟสบุคส์ให้เข้าใจได้อย่างไรและเมื่อถึงโอกาสเหมาะสมผมจึงได้เขียนบทความในตอนนี้ขึ้นมาเพื่อชี้แจงครับ

       ก่อนอื่นต้องขอเรียนว่าในฐานะคนทานกาแฟ ผมเชื่อว่าคอกาแฟทุกคนคงเป็นเหมือนกันครับคือไม่สนว่าร้านกาแฟจะเล็กหรือใหญ่ ขอให้กาแฟที่ทำออกมา "อร่อย" ก็เพียงพอแล้ว ร้านเป็นเพียงส่วนประกอบเติมเต็มรสชาติให้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าร้านจะเล็กแสนเล็กแต่ถ้ากาแฟเค้าทำมาอร่อยแล้ว ร้านจะเล็กเพียงใด ร้านจะไกลสักแค่ไหน เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงมุ่งมั่นที่จะดั้นด้นไปลองชิม

       แต่เป็นที่น่าเสียใจที่ต้องกล่าวถึงความเป็นจริงที่พบในปัจจุบันว่า ร้านกาแฟของไทยนั้นส่วนใหญ่นั้น "ไม่มีคุณภาพหรือมาตรฐานเท่าที่ควร" โดยเฉพาะในปัจจุบันยุคที่ร้านกาแฟผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดสนับสนุนวลียอดฮิตที่เคยได้ยินกันว่า "แค่ต้มน้ำเดือดก็ทำกาแฟได้" ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าร้านกาแฟส่วนใหญ่ที่เปิดๆกันอยู่นั้นมาตรฐานต่ำกว่าที่ควรจะเป็น! โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านกาแฟขนาดเล็ก

       ร้านกาแฟขนาดใหญ่นั้นส่วนใหญ่ก่อนเปิดร้าน เจ้าของร้านมักจะหาสถานที่เรียนฝึกปรือฝีมือการทำกาแฟก่อนที่จะเปิดร้านจริงหรือบางร้านทุนหนาหน่อยก็จ้่างบาริสต้าที่มีฝีมือและมีประสบการณ์มาประจำร้านดังนั้นจึงทำให้รสชาติของกาแฟเป็นมาตรฐานเทียบเคียงกับร้านกาแฟดังๆได้เลยทีเดียว แต่ในขณะที่ร้านกาแฟขนาดเล็ก (ขนาดคีออสค์หรือรถเข็น) ไม่มีงบประมาณมากเพียงพอที่จะไปเรียนรู้หรือจ้างบาริสต้าฝีมือดี่ราคาแพงมาช่วย ดังนั้นจึงต้องอาศัยประสบการณ์ครูพักลักจำ จากตามหนังสือบ้าง ตามที่เคยเห็นมาบ้าง มาผสมผสานกันถูๆ ไถๆเปิดร้านกาแฟไปและนั่นเองจึงเป็นเหตุผลที่ำทำให้ร้านกาแฟส่วนใหญ่มาตรฐานหรือคุณภาพต่ำกว่าที่ควรจะเป็นและร้านเหล่านี้จำนวนมากก็ต้องปิดตัวลงไปในที่สุดเพราะทนกับภาวะขาดทุนไม่ไหวนั่นเอง

       ส่วนในฐานะของ blogger ผมเองก็ต้องคัดเลือกสิ่งที่ดีสุดเพื่อนำเสนอต่อผู้อ่านทุกท่านและโดยจรรยาบรรณของนักเขียนที่ดีแล้วควรต้องนำเสนออย่างตรงไปตรงมา เป็นกลาง ดังนั้นผมจึงต้องพยายามหาร้านกาแฟที่ดี เหมาะสม และมีมาตรฐาน ให้กับบรรดาผู้อ่านทุกท่านของผมได้รับทราบกันซึ่งต้องบอกตามตรงครับว่ามีหลายครั้งด้วยกันที่ผมได้ไปร้านกาแฟตามคำเชียร์ คำชมจากแหล่งต่างๆ และเมื่อไปสัมผัสแล้วพบว่าไม่เป็นอย่างที่กล่าวอ้างกันดังนั้นในฐาน blogger อิสระผมจึงเลือกที่จะ "เลี่ยง" เขียนถึงร้านเหล่านั้นลง blog แห่งนี้แม้ว่าบางร้านจะ "สนิทสนม" กับผมสักเท่าไหร่ก็ตาม

       มาอ่านถึงบรรทัดนี้แล้วเชื่อว่าหลายท่านคงจะพอเข้าใจความคิดของผมขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อยนะครับและก็อย่าเพิ่งเหมารวมว่าร้านกาแฟเล็กๆ ทั้งหมดจะไม่มีคุณภาพหรือไร้มาตรฐาน เพราะร้านกาแฟขนาดเล็กดีๆ ก็ยังมีอีกไม่น้อยดังเช่นร้านกาแฟที่ผมจะกล่าวถึงต่อไปนี้ แต่ด้วยเนื้อที่จำกัดดังนั้นผมจึงขอยกยอดไปครั้งหน้าก็แล้วกันครับ อยากรู้ว่าพูดถึงร้านกาแฟร้านไหน รูปแรกของบทความนี้ช่วยบอกเป็นนัยได้ครับ สวัสดี....

                                                                              กาลาโต้

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Cupping Street : Third Place ดีๆ สำหรับคนรักกาแฟ


       แนวคิด "Third Place" หรือ "สถานที่พักพิงที่ 3" ของร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยมเจ้าใหญ่อย่าง starbucks ดูจะประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นเลยทีเดียวโดยสังเกตได้จากปัจจุบันผู้คนนิยมใช้บริการร้านกาแฟต่างๆ เป็น Third Place รองจากบ้านและที่ทำงาน ใช้สถานที่ๆ 3 นี้เป็นแหล่งพักผ่อน ชาร์จพลังจากการทำงาน ผ่อนคลายความตึงเครียดหรือแม้กระทั่งเป็นสถานที่ทำงานเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศก็มี ดังนั้นจงอย่าแปลกใจที่เห็นร้านกาแฟที่มีที่นั่งในแต่ละร้านจะเต็มไปด้วยผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ไปชุมนุมในสถานที่แห่งนั้นจนบางครั้งในร้านที่ดังๆ เรียกได้ว่าต้องยืนรอโต๊ะนั่งกันเลยทีเดียวและสำหรับวันนี้ผมก็มี Third Place ดีๆ สำหรับคนรักกาแฟมาฝากกันครับ เชื่อได้ว่าร้านกาแฟแห่งนี้ใครได้อ่านแ้ล้วอยากไปกันแน่นอนเพราะจัดได้ว่าเป็น Third Place ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง นั่นก็คือร้าน Acoustic Coffee ครับ


       ร้าน Acoustic Coffee ถือเป็นร้านกาแฟน้องใหม่ร้านหนึ่งที่เพิ่งเปิดให้บริการกันไม่นาน โดยถือฤกษ์เอาชัยวันที่ 11 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมาประเดิมเปิดร้านให้คอกาแฟอย่างเราได้ไปลิ้มลองกัน ซึ่งถึงแม้จะเปิดได้ไม่นานก็อย่าเพิ่งดูแคลนกันว่าจะอร่อยหรือดีจริงหรือไม่เพราะผมเองได้ไปทดสอบมาแล้วและต้องบอกว่า "ไม่ธรรมดา" เลยทีเดียวครับ


       แนวคิด Third Place หรือ "ขอเพียงที่พัก (ใจ)" ของร้าน Acoustic Coffee ปรากฏให้เห็นชัดเจนเมื่อเดินเข้าไปในร้าน เพราะบรรยากาศการตกแต่งร้านดูโปร่งสบายๆ อีกทั้งร้านยังมีบริเวณชั้น 2 ที่เปิด open air เหมือนดาดฟ้าสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศธรมชาติเดิมๆ ได้นั่งกันตามอัธยาศัย ดังนั้นร้าน Acoustic Coffee จึงเปรียบได้กับ "บ้านอีกหลังหนึ่ง" ของเราอย่างแท้จริง


       กลับมายังบริิเวณชั้นล่างของร้าน การเลือกชุดเก้าอี้โทนสีที่แมทซ์กับการตกแต่งร้านและการจัดชั้นหนังสือและเคาน์เตอร์สั่งกาแฟมีความสมดุลและกลมกลืนกันอย่างไม่ขัดเขิน ช่วยสร้างความรู้สึกอบอุ่นให้กับผู้ที่มาทานกาแฟได้เป็นอย่างดีและเมื่อบวกกับอัธยาศัยและไมตรีอันอบอุ่นของพนักงานและเจ้าของร้านก็ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็น Third Place ได้อย่างสมบูรณ์


       สำหรับกาแฟที่ผสมสั่งมาดื่มในวันนี้เป็น Iced Macadamia Latte ครับ ความหอมของ syrup ผสมเข้ากับกาแฟคุณภาพดีอย่างลงตัว เมื่อจิบแรกเข้าไปก็สามารถรับรู้ได้ถึงความหอมและรสชาติของกลิ่นผลไม้ในปากและเมื่อทานคู่กับ "ครัวซองแฮมชีส" ที่เป็นสินค้า Best Seller อีกตัวของร้านก็ยิ่งทำให้ช่วงเวลาพักผ่อนของเรามีความสุขมากยิ่งขึ้น ส่วนเพื่อนของผมเจ้าเดิมลองสั่ง Iced Americano มาชิมก็ไม่ผิดหวังเพราะรสชาติกาแฟออกมาเข้มข้นตามมาตรฐานของ Americano แท้ๆ ดังนั้นผมจีงบอกไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องล่ะครับว่าอย่าดูแคลนร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ เพราะถ้าไม่มีดีจริงคงไม่กล้ามาเปิดร้านอย่างแน่นอน


       จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของร้าน Acoustic Coffee ที่ผมถือว่าเป็นไฮไลท์หลักของร้านและยิ่งตอกย้ำความเป็นสถานที่พักผ่อนให้กับบรรดาคอกาแฟได้อย่างแท้จริงนั่นก็คือทุกวันเสาร์ช่วงเวลาประมาณ 18.30-20.00 น. ทางร้านเค้าจะมีดนตรี acoustic มาเล่นให้ฟังกันสดๆ ในบรรยากาศสบายๆ และเราสามารถขอเพลงที่เราต้องการในช่วงเวลานั้นๆ ได้อีกด้วยครับ


       เป็นอย่างไรกันบ้างล่ะครับเพียงแค่นี้ร้าน Acoustic Coffee พอที่จะเป็น Third Place สำหรับเราชาวคอกาแฟได้หรือยัง ถ้าใครมีโอกาสไปแถว Major Cineplex รัชโยธินอยากให้ลองแวะไปสักครั้งเพราะอยู่เลย Major รัชโยธินไปหน่อยเดียวส่วนใครที่มารถโดยสารประจำทางยิ่งง่ายเลยครับเพราะอยู่ตรงป้ายรถเมล์เลยหาไม่ยากครับ และหากใครที่จะมาดื่มกาแฟพร้อมฟังเพลงแนะนำให้มาวันเสาร์ช่วงเย็นครับ รับรองว่าได้รับความสุข ความทรงจำดีๆ กลับบ้านไปนอนฝันดีแน่นอน


       ถึงแม้ว่าร้านกาแฟใหญ่จะกลายเป็น Third Place ในปัจจุบันสำหรับพวกเรา ให้พวกเราได้นั่งพักผ่อน ให้พวกเราได้นั่งทำงาน หรือแม้กระทั่งให้พวกเราได้นั่งรอฆ่าเวลาก็ตามทีแต่อย่างไรก็อย่าลืมใจเขาใจเรานะครับใช้เวลา ณ สถานที่เหล่านี้แต่พอดี พอประมาณ เพราะว่าทางร้านเหล่านี้เองเขาก็มีค่าใช้จ่ายของร้านเช่นกันบางคนพากันมา 10 คนสั่งกาแฟแก้วเดียวนั่งนานเป็นชั่วโมง บางคนกาแฟแก้วเดียวเอาโน้ตบุคมาชาร์จไฟนั่งทำงานแถมพาคนมาสอนพิเศษรวมๆเวลาแล้ว 4 ชั่วโมง แบบนี้ก็ไม่ไหวเช่นกันครับจริงอยู่ว่าทางร้านอาจจะไม่พูดอะไรแต่ว่าในฐานะคนนั่งก็ควรดูตามความเหมาะสมครับ ถ้าร้านเขาอยู่ได้พอมีกำไรเราก็จะได้มี Third Place ดีๆ ให้พักอาศัยกันไปนานๆ ครับ


       พระเจ้าอวยพรครับ............


                                                                              กาลาโต้
วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Blend Storming : "กาแฟ" มีประโยชน์หรือโทษมหันต์


       สวัสดีวันสุดท้ายของเดือนมิถุนายนครับทุกท่าน วันนี้บทความของ blog kafeme ขอนำเสนอเรื่องราววิชาการเกี่ยวกับกาแฟกันสักตอนนะครับเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้ blog ซ้ำซากจำเจ โดยหัวข้อที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ก็คือเรื่อง "กาแฟมีคุณประโยชน์หรือโทษกันแน่!!!"

       "กาแฟมีคุณหรือโทษ?" ดูท่าจะเป็นคำถามสุดเบสิคและเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับคอกาแฟและคอไม่กาแฟที่เรามักได้ยินกันอยู่บ่อยๆ บ้างก็ว่าทานกาแฟแล้วทำให้ติดคาเฟอีน บ้างก็ว่าทานกาแฟแล้วเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ นาๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ฯลฯ ซึ่งนั่นเป็นความคิดเห็นของคนที่ไม่ทานกาแฟ ในขณะที่คนทานกาแฟก็ยกเหตุผลมาอ้างว่ากาแฟทำให้สมองตื่นตัว ทำให้ห่างไกลจากโรคนิ่ว  กาแฟทำให้การเข้าสังคมดูง่ายขึ้น ฯลฯ ดังนั้นอาจพอสรุปได้ว่าทั้งคนทานกาแฟและไม่ทานกาแฟต่างก็ล้วนมีเหตุผลเป็นของตนเองทั้งสิ้น

       เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือฉบับหนึ่งซึ่งได้พูดถึงคุณและโทษจากกาแฟโดยอาศัยอ้างอิงมาจากงานวิจัยของต่างประเทศ ผมเห็นว่าเป็นบทความที่มีประโยชน์และเขียนให้เข้าใจง่ายดี ดังนั้นวันนี้จึงขอนำมาเล่าสู่ให้บรรดาคนรักกาแฟทุกคนได้ฟังกัน

       หนังสือเล่มนี้เค้าบอกไว้ว่าสำหรับคนที่ชื่นชอบการทานกาแฟแล้ว หากว่าดื่มไปแล้วครึ่งหนึ่งในเวลา 4 ชั่วโมง ร่างกายจะขับสาร Caffeine ออกมาซึ่งจะไม่สะสมในร่างกายและขับออกมาหมดโดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่ด้วยแล้วร่างกายจะขับออกได้เร็วกว่าคนปกติหากแต่ทว่าในคนท้องและคนที่กินยาคุมกำเนิดร่างกายจะขับสาร Caffeine ได้น้อยกว่าคนปกติจึงทำให้มีสาร caffeine ตกค้างในร่างกายมากกว่าคนทั่วไป

       หนังสือเล่มนี้ยังบอกอีกด้วยว่าภายใน 1 วัน เราจะรับสาร Caffeine ประมาณ 250-600 มิลลิกรัม ซึ่งปริมาณขนาดนี้นั้นไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายและจะไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางทำให้ไม่ง่วง มีสมาธิในการทำงานดีขึ้น และยังลดอาการปวดเมื่อยจากการเป็นไข้หวัดได้อีกด้วย รวมถึงช่วยทำให้มีสมรรถภาพร่างกายที่ดีมากขึ้นเช่น มีความอดทนมากขึ้น ทำกิจกรรมกลางแจ้งได้นานขึ้น ใช้กำลังได้มากขึ้น และสำหรับผู้ที่ต้องการขับปัสสาวะ การดื่มกาแฟจะช่วยให้ปัสสาวะได้ง่ายขึ้นแต่มีข้อยกเว้นคือห้ามดื่มกาแฟอย่างเด็ดขาดในขณะที่ออกกำลังกายหรือหลังจากออกกำลังกายใหม่ๆ เพราะจะทำให้ร่างกายเสียน้ำมากกว่าปกตินั่นเอง

       นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงถึงงานวิจัยของ World Cancer Research Fund ที่ระบุว่า หากดื่มกาแฟวันละ 3 แก้วจะลดอาการหอบหืด หากดื่มวันละ 4 แก้วจะช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ และหากดื่มมากกว่า 6 แก้วต่อวันการทดสอบสมรรถภาพปอดจะดีขึ้น (น่าจะหมายถึงการบริโภคกาแฟดำไม่ผสมนมหรือน้ำตาลมากกว่าครับเพราะถ้าเป็นกาแฟเย็นผสมนมหรือน้ำตาล น้ำเชื่อม วันละ 6 แก้วนี่โรคเบาหวานถามหาแน่นอน : ผู้เขียน) และผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำจะลดอัตราการเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะและนิ่วในถุงน้ำดีอีกด้วย


       แต่อย่างไรก็ตามกาแฟส่งผลเสียต่อเพศหญิงมากกว่าเพศชายเนื่องจากว่าหากเพศหญิงดื่มกาแฟติดต่อกันทุกวันมีโอกาสเสี่ยงเป็นหมันมากกว่าผู้ชายอีกทั้งยังส่งผลเสียต่อทั้งสองเพศในกรณีีที่เป็นโรคเบาหวานเพราะจะทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินเพิ่มขึ้น 15% กรดไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น ฮอร์โมน epinphrine เพิ่มสูงขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น


       ผมเชื่อวากาแฟก็เหมือนของทุกสิ่งในโลกนี้แหละครับที่มี 2 ด้านให้เลือกมอง ให้จับต้อง ผมเชื่อว่าสิ่งใดที่มีคุณอนันต์ สิ่งนั้นก็ย่อมต้อมีโทษมหันต์ด้วยเช่นกัันขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้หรือเลือกใช้มันอย่างไรให้เกิดความพอดี กาแฟก็เช่นกันครับ หากเราบริโภคแต่พอดีไม่มากไป ไม่น้อยไป รับรองได้ว่ามีแต่ประโยชน์แน่นอน สวัสดีครับ


                                                                                                                        กาลาโต้
วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Cupping Street : ความสุขโดยสังเขป

       เมื่อเร็วๆ นี้ผมมีโอกาสได้ฟังบทสัมภาษณ์คุณ "หนุ่มเมืองจันท์" คอลัมน์นิสต์ชื่อดังเจ้าของหนังสือ best seller อย่าง ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ โดยผู้สัมภาษณ์คือคุณสุรนันท์ เวชชาชีวะ เกี่ยวกับเรื่อง "ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่" มีอยู่ตอนหนึ่ง คุณหนุ่มเมืองจันท์ได้กล่าวถึงความสุขไว้อย่างน่าฟังว่า

       "คนเรามีชีวิตในวันหนึ่งๆ 24 ชั่วโมง ใช้เวลานอน หลับตาไปแล้ว 8 ชั่วโมง เหลือเวลาลืมตาอีก 16 ชั่วโมงถ้าเราทำงานครึ่งหนึ่้งของชีวิตที่ลืมตาไม่มีความสุขก็เท่ากับคุณใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งของคุณไม่มีความสุข เพราะความสุขเป็นพลังทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไป" ฟังแล้วได้แง่คิดดีครับ!



       ผมเชื่อว่าในวันหนึ่งๆ คนเราทุกคนต้องมี คิดมี หรือแม้กระทั่งอยากมีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเองบ้างไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเอาไว้คิดเรื่องงาน เอาไว้ผ่อนคลายความตึงเครียด หรือแม้กระทั่งเอาไว้สงบสติอารมณ์ ถือเป็นสิ่งที่ดีครับ สำหรับตัวผมเองนั้น เวลาดังกล่าวมักจะเป็นเวลาที่ผมอยู่ในร้านกาแฟหรือเวลาที่ผมดื่มกาแฟ เพราะเวลานั้นผมจะรู้สึก "สงบ" และ "มีสติ" ที่สุด เวลาดังกล่าวมักจะช่วยทำให้ความคิดของผมตกผลึกและมีหลายครั้งทีเดียวที่ทำให้ผมคิดงานดีๆ ออกมาได้และแน่นนอนที่สุดคือ "มันทำให้ชีวิตผมมีความสุข"


       ร้าน "Your Time Since Now" ที่ผมจะพูดถึงในวันนี้ก็เป็นร้านกาแฟอีกร้านหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นเป็นบทความจากความคิดอันตกผลึกของผมขณะที่ใช้เวลานั่งดื่มกาแฟ ณ ร้านแห่งนี้ โดยร้าน Your Time Since Now นี้ มีสิ่งดึงดูดใจบรรดาคอกาแฟและบรรดาคนที่เดินผ่านไปมานับตั้งแต่การจัดหน้าร้านที่ใช้บริเวณด้านล่างของคอนโดมีเนียมตกแต่งอย่างสวยงามจนกลายเป็นร้านกาแฟสไตล์เมืองนอกเย้ายวนชวนใจให้เข้าไปลิ้มลองได้ไม่น้อยไปกว่าชื่อของร้านที่เล่นเกี่ยวกับเวลา (ชื่อร้านแปลได้ว่า "เวลาของคุณเริ่มต้นแล้ว ณ ตอนนี้ : ผู้เขียน)

       แรกเห็นด้านนอกให้ความรู้สึกที่ดีแล้ว เมื่อเดินเข้าไปด้านในร้านจะพบกับบรรยากาศที่ดูอบอุ่น หรูหรา ทว่าแฝงไปด้วยความสบายๆ อย่างเป็นกันเอง โต๊ะแต่ละโต๊ะมีการจัดวางอย่างลงตัวดูไม่อึดอัด สร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้เหมือนช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเวลาพักผ่อนที่แท้จริงของเรา


       สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างคือบริเวณหน้า counter จะมีนาฬิกาบอกเวลาของประเทศต่างๆ อยู่หลายเรือน แสดงว่าเจ้าของร้านเลือกที่เล่นกับ "เวลา" เป็น theme หลักของร้าน ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายที่ดีเลยทีเดียวและเท่าที่สังเกตดูลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการจะเป็นชาวต่างชาติเสียส่วนใหญ่ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการตกแต่งร้านจึงทำให้ชาวต่างชาติรู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศของร้านที่เหมือนกับตอนอยู่ต่างประเทศก็เป็นได้

       กลับมาถึงเรื่องเครื่องดื่มกันบ้าง ผมสั่ง Ice Latte หวานน้อยมาลิ้มลอง รสชาติกาแฟที่นำมาเสริฟมีความหอมในกลิ่นนมที่ผสมกับกลิ่นกาแฟเพียงแต่ว่าเมื่อดื่มไปแล้วรสชาติกาแฟรู้สึกเข้มข้นน้อยไปนิด ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะกาแฟที่ใช้มีรสชาติอ่อนหรือแรงกดกาแฟของบาริสต้าสาวมีน้อยเกินไปหรือไม่แน่ว่าจริงๆแล้วกาแฟอาจจะมีรสชาติปกติแบบที่คนธรรมดาทั่วไปกินอยู่แล้ว แต่ผมเป็นคนกินเข้ม เลยทำให้รู้สึกว่ากาแฟแก้วนี้ไม่ค่อยเข้มข้นเหมือนร้านอื่นๆ ที่ผ่านมา แต่โดยสรุปแล้วรสชาติถือว่าอยู่ในขั้นใช้ได้ครับ

       อีกอย่างที่อยากจะแนะนำสำหรับคนตื่นเช้าก็คือร้าน Your Time Since Now นี้เค้าเอาใจบรรดาคนตื่นเช้าและพนักงานออฟฟิศด้วย breakfast set กันตั้งแต่ 7 โมงเช้า ให้ได้บริโภคเติมพลังงานทางกายและพลังงานทางใจให้เปี่ยมล้นกันก่อนที่จะไปเผชิญกับเรื่องราวต่างๆมากมายที่รออยู่เบื้องหน้า ในราคาที่ไม่แพง ใครอยากลิ้มลองก็มาได้ครับ

       ร้าน Your Time Since Now นี้หาง่ายครับอยู่บริเวณชั้นล่างของ Rajvithi City Resort ซึ่งอยู่ติดกับสวนสันติภาพอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเลยครับ รับรองไม่หลงแน่นอน

       ความสุขของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกันแต่ผมเชื่อว่า "ทุกคน" อยากจะมีความสุขด้วยกันทั้งนั้นแหละครับถ้าเลือกได้ แต่เนื่องจากชีวิตจริงของคนเราไม่มีใครที่จะมีความสุขแต่เพียงอย่างเดียวและก็ไม่มีใครหรอกที่จะมีแต่ความทุกข์ล้วนๆ ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำคือ "สุขก็เตรียมไว้ว่าความทุกข์คงตามมาอีกไม่ไกล" และ "เพราะคนเรามีความทุกข์มันจึงทำให้เราได้รู้สึกคุณค่าของความสุข" ทั้งสองอย่างนั่นและครับคือ "ความสุขโดยสังเขป" ของผม.....สวัสดี


                               
                                                                                  กาลาโต้