วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Cupping Street : Southern Coffee กาแฟดีๆที่ไม่ได้อยู่แค่ภาคใต้


       ช่วงนี้ผมมีโอกาสเดินทางออกนอกเมืองไปแถวบางกะปิอยู่บ่อยครั้ง อย่างน้อยๆ ก็อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งโดยไปว่ายน้ำที่สวนน้ำในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเพื่อลดน้ำหนักที่นับวันชักจะเพิ่มขึ้นจนขยับตัวลำบากเต็มทีซึ่งส่วนหนึ่งนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าเลยว่ามาจากการบริโภคกาแฟที่มีทั้งนมทั้งไขมันนั่นเองและแม้จะพยายามลดระดับไขมันในกาแฟหรือหักห้ามใจอย่างไรแต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ต้องกลับไปดื่มตามเดิมอยู่ดี ดังนั้นเมื่อเลิกมันไม่ได้ก็ใช้วิธีลดน้ำหนักแทนการเลิกเสียเลยก็ดูสมเหตุสมผล (เข้าข้างตัวเอง) ดีเหมือนกันนะครับ


       และทุกครั้งที่นั่งรถกลับหลังจากเสร็จกิจว่ายน้ำออกกำลังกายซึ่งต้องกลับผ่านทางเส้นลาดพร้าวก็เจอร้านกาแฟร้านหนึ่งที่อยู่บริเวณไกล้ๆกันกับร้าน Verasu เข้า ร้านนี้เป็นร้านที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ด้วยป้ายธงญี่ปุ่นที่ติดอยู่หลายอันช่วยดึงดูดสายตาให้ชวนมองและเมื่อเห็นข้อความเชิญชวนที่ว่า "ไม่อร่อยยินดีคืนเงิน" ยิ่งทำให้ความน่าสนใจในร้านกาแฟแห่งนี้มีมากยิ่งขึ้นด้วยว่าคำโปรโมทโฆษณาแบบนี้ไม่เคยเห็นมีใช้กันในวงการธุรกิจกาแฟมาก่อน ดังนั้นจึงทำให้ผมตัดสินใจลงจากรถประจำทางเข้าไปลิ้มลองกาแฟตามคำท้าทายของร้านนี้ ร้าน "Southern Coffee"


       ร้าน Southern Coffee แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณในปั๊มน้ำมัน Pure หน้าซอยลาดพร้าว 134 ติดกับอาคาร Verasu ซึ่งถึงแม้ว่าเป็นร้าน stand alone ขนาดเล็กแต่การจัดที่นั่งภายในร้านก็สวยงามลงตัวมากและมีจุดชูโรงของร้านก็คือการใช้กาแฟจากภาคใต้เป็นกาแฟชนิดหลักมาชงเป็นเครื่องดื่มนั่นเองครับ



       สำหรับ story หรือเรื่องราวความเป็นมาของร้าน Southern Coffee นั้น เมื่อสืบหาข้อมูลจากเว็บไซต์ของทางร้านพบว่าร้านนี้เค้าเป็นร้านแบบแฟรนไชส์และมีสาขาหลายสาขาด้วยกันแต่ต้องยอมรับด้วยความสัตย์จริงว่าส่วนตัวเพิ่งเคยได้ยินชื่อร้านนี้และเห็นร้านสาขานี้เป็นร้านแรกในชีวิตและเมื่ออ่านต่อไปพบว่าร้าน Southern Coffee ใช้กาแฟที่เป็นสูตรเฉพาะตัวของทางร้านโดยการนำเอากาแฟทั้งสายพันธุ์อาราบิก้าและสายพันธุ์โรบัสต้ามาผสมสานให้เข้ากันเพื่อความกลมกล่อม โดยเฉพาะกาแฟโรบัสต้าที่ใช้นั้นเป็นกาแฟชั้นดีที่ปลุกในบริเวณภาคใต้ของประเทศไทยตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปและนี่เองจึงเป็นที่มาของชื่อร้าน Southern Coffee และโลโก้ของร้านที่นำเอารูปด้ามขวานทองในแผนที่ประเทศไทยมาประยุกต์จนเป็นสัญลักษณ์สินค้าอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน


       เมื่อก้าวเข้าไปในร้านเ ราสามารถรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่สบายๆ การจัดร้านอย่างสะอาดและมีระเบียบผนวกกับเพลงประเภท easy listening ที่ทางร้านเปิดทำให้ลูกค้าสามารถนั่งจิบกาแฟทอดอารมณ์คิดงานหรือมีสมาธิในการทำงานและช่วยในการผ่อนคลายความตึงเครียดมากขึ้นซึ่งสวนทางกับบรรยากาศการจราจรภายนอกที่แออัดและพลุกพล่านไปด้วยรถรา ยานพาหนะและความวุ่นวายตามประสาถนนคนเมืองในยุคที่ต้องรีบเร่ง


       พูดถึงความสับสนวุ่นวายในสังคมแล้วผมว่าแปลกเหมือนกันนะครับ ในโลกปัจจุบันนี้คนเรามีเครื่องช่วยอำนวยความสะดวก ช่วยย่นระยะเวลาการทำงานเพื่อให้มีเวลามากขึ้นแต่คนเรากลับบอกว่ามีเวลาน้อยลง หลายครั้งที่คนเรามัวแต่คิดแต่เรื่องการแข่งขันกับคนอื่นๆในสังคมจนลืมคิดไปว่าบางทีการแข่งขันกับตัวเองน่าจะสำคัญกว่าการแข่งขันกับคนอื่นเสียอีก คนเราทุกวันนี้คุยแชทด้วยตัวอักษรผ่านเครื่องมือสื่อสารมากกว่าพูดคุยกันด้วยเสียงแล้วมาบอกว่าไม่มีเวลาคุยกันเลย ฯลฯ สิ่งต่างๆ และความวุ่นวายเหล่านี้เมื่อเรามองย้อนกลับไปและคิดพิจารณาให้ดีจะพบว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะใคร แต่มันเกิดขึ้นจากตัวเรา ตัวมนุษย์อย่างเราๆนั่นเอง เทคโนโลยีก็ยังคงเป็นเทคโนโลยีของมันอยู่เหมือนเดิม มันทำหน้าที่เฉกเช่นที่มันเคยทำและควรทำ หากแต่มนุษย์เองทั้งสิ้นที่ไปคาดหวัง ปั้นแต่ง ให้มันเป็นไปตามที่ตัวเองต้องการและเมื่อเกิดความวุ่นวายไม่ได้ตามที่ต้องการก็โทษของเหล่านั้นแทนที่จะว่ากล่าวโทษตัวเอง นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้โลกเราทุกวันนี้ดูช่างวุ่นวายเหลือเกิน ดังนั้นคงพอสรุปง่ายๆ ว่าบางทีความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสังคมทุกวันนี้สาเหตุหลักก็มาจากมนุษย์เองทั้งสิ้นก็เป็นได้


       ดังที่ได้เกริ่นไปแล้วตอนต้นบทความว่าช่วงนี้ผมกำลังเข้าสู่โหมดละลายพุง ลดน้ำหนัก ดังนั้นกาแฟแก้วที่สั่งในวันนี้จึงเป็น Ice Americano พร้อมกำชับว่าเอาแบบหวานน้อยจนลืมไปว่ากาแฟร้านนี้เน้นสายพันธุ์โรบัสต้าซึ่งมีความขมเข้มข้นเป็นหลัก เมื่อยกมาเสริฟและลองดื่มดูปรากฎว่าขมเข้มข้นได้ใจเลยทีเดียว เหมาะกับคนชอบกาแฟที่แรงๆ ส่วนคนที่ดื่มกาแฟปกติแนะนำว่าให้สั่งแค่ Ice Americano ก็พอไม่ต้องเพิ่ม option หรือเจาะลึก detail อะไรลงไป ส่วนคนที่ไม่ชอบทานกาแฟร้านนี้เค้าก็ยังมีเครื่องดื่มอื่นๆ ให้ได้ชิมกันอีกด้วยหลายอย่างเลยทีเดียวทั้งชาเขียว ทั้งสมูทตี้ เลือกได้กันตามอัธยาศัยในราคาเบาๆครับ


       ในระหว่างที่เขียนบทความอยู่นี้ผมเองก็ไม่ทราบว่าสถานการณ์ทางภาคใต้เป็นอย่างไรกันบ้าง เราคงได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับภาคใต้และได้เห็นเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น แม้ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นจากอะไรหรือเกิดขึ้นจากกลุ่มคนกลุ่มใด แต่ด้วยความที่เป็นคนไทยที่อยู่ในผืนแผ่นดินไทยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแล้วก็ขอให้เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้สงบโดยเร็ววัน ไม่ว่าจะเป็นพวกใดฝ่ายใดก็ขอให้หันหน้าเข้าหาเจรจากันเพื่อหาจุดลงตัวและให้เกิดความสงบในบ้านเมืองเหมือนอย่างกาแฟของร้าน Southern Coffee นี้ ที่ถึงแม้ว่ากาแฟทั้ง 2 สายพันธุ์ (อาราบิก้าและโรบัสต้า) จะปลูกจากพื้นที่ต่างกัน รสชาติแตกต่างกันแต่ก็สามารถนำมาผสมเข้าด้วยกันอย่างลงตัวจนสามารถดึงจุดเด่นที่ตนเองต่างมีออกมาและทำให้ท้ายที่สุดบังเกิดเป็นสุดยอดเครื่องดื่มที่คนกล่าวถึงตลอดไป.....


                                                                                                                                กาลาโต้
วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Cupping Street : Let's Sip กันเถอะพวกเรา!




       ไม่แน่ใจว่านานเท่าไหร่แล้วครับที่ผมไม่ได้จิบกาแฟยามเย็นอาทิตย์อัศดง ด้วยว่าภารกิจการงานที่กว่าจะเลิกก็เย็นจนเกือบค่ำซึ่งร้านกาแฟส่วนใหญ่ก็มักจะปิดเสียแล้ว จึงทำให้ต้องเลือกที่จะกินกาแฟในช่วงกลางวันไปโดยปริยาย แต่วันนี้ค่อนข้างโชคดีเนื่องจากงานไม่ค่อยยุ่งมากและมีนัดกับสหายมานั่งเสวนากันจึงเลือกเอาเวลาช่วงบ่ายๆ เกือบจะเย็นนั่งคุยกันในร้านกาแฟเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศโดยเลือกเอาร้าน Let's Sip เป็นเป้าหมาย



       สำหรับร้าน Let's Sip นี้ ผมเองเคยนั่งรถผ่านอยู่หลายครั้งเหมือนกัน แต่ยังไม่มีโอกาสที่จะได้ลงไปสัมผัสจนกระทั่งเพื่อนผมที่เคยไปใช้บริการมา ได้เล่าสรรพคุณของร้านนี้ให้ฟังว่า"เจ๋ง" และ "เด็ด" แค่ไหน ดังนั้น Let's Sip จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของผมในตอนนี้หากต้องเลือกร้านกาแฟสักร้านหนึ่ง



       ความ "เจ๋ง" แรกที่ผมได้ค้นพบก็คือเมื่อสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์แล้วทางร้านจะให้เครื่องมือกลมๆ ขนาดไม่ใหญ่มากมาชิ้นหนึ่งพร้อมกับกำชับว่า เมื่อเจ้าเครื่องนี้มีเสียงและสัญญาณไฟกะพริบก็สามารถมารับเครื่องดื่มได้ทันที ตอนแรกก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่ามันจะเป็นไปได้จริงหรือพอสัญญาณดัง ไฟกะพริบจึงเดินไปรับเครื่องดื่มก็ได้ตามที่ต้องการครับ แถมทำมาไม่ผิดเสียด้วยเลยลองนั่งสังเกตดูโต๊ะอื่นที่สั่งกันบ้าง พอสัญญาณดังเดินไปรับเครื่องดื่มก็ได้เครื่องดื่มกันทุกคนแสดงว่าระบบการจัดการ TQM ของร้านนี่ีค่อนข้างดีเลยทีเดียว อีกทั้งตั้งแต่ดื่มกาแฟมาเพิ่งเห็นร้านนี้เป็นร้านแรกที่ใช้เครื่องควบคุมเวลาในการทำกาแฟโดยน่าจะได้แนวคิดมาจากร้านกาแฟต่างประเทศนั่นเองครับ



       ส่วนความ "เด็ด" ถัดมาก็คือบรรยากาศ การตกแต่งร้าน ร้าน Let's Sip เลือกที่จะแต่งร้านแบบสไตล์ง่ายๆ แต่ดูเข้มขลังตามแบบฉบับของร้านกาแฟในต่างประเทศ โดยมีการจัดที่นั่งให้ลูกค้าทั้งในร่มและแบบ Open Air สำหรับลูกค้าที่สูบบุหรี่ ได้นั่งกันตามอัธยาศัย รวมไปถึงการตกแต่งฝาผนังและกระจกที่มี Design เฉพาะตัว ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในละแวกนี้ส่วนใหญ่เลือกที่จะมานั่งจิบกาแฟที่ร้าน Let's Sip กันเพราะเป็นบรรยากาศที่คุ้นเคยคล้ายกับร้านกาแฟที่ประเทศเขาครับ


       ในด้านเมนู ร้าน Let's Sip เค้ามีเมนูอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายรายการด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่ราคาจะเกือบๆ ร้อยบาท/แก้ว/ชิ้น ขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผลหากเทียบกับสินค้าที่ได้รับเพราะทางร้านเลือกที่จะใช้แต่วัตถุดิบคุณภาพที่สดและใหม่อยู่เสมอจึงทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าในทุกแก้วที่ดื่มหรืออาหารทุกชิ้นที่กินนั้นสะอาด ปลอดภัยและได้คุณภาพมาตรฐาน



       และก็คงเหมือนกับทุกๆครั้งที่ไปร้านกาแฟ ผมเลือกที่จะสั่ง Ice Latte แบบไม่ผสม syrup หรืออื่นใดทั้งสิ้นเพื่อมาทดสอบ ปรากฎว่ากาแฟของที่นี่เข้มข้นมากครับ เรียกได้ว่าเข้มข้นกว่าร้านไหนๆ ที่เคยไปกินมา รสชาติของกาแฟติดลิ้นและลำคออยู่นานพอสมควรเลยทีเดียวถือเป็นกาแฟชั้นดีระดับต้นๆ ส่วนเพื่อนผมนั้นสั่ง Ice Americano และก็เป็นไปตามคาดครับหากไม่ใส่ syrup เพิ่มรับรองว่าคืนนี้ตาค้างไม่ได้หลับนอนกันแน่นอนเพราะเข้มมากถึงมากที่สุด ดังนั้นกาแฟของร้าน Let's Sip จึงเหมาะกับคอกาแฟตัวยงหรือชาวต่างประเทศที่นิยมดื่มกาแฟเข้มๆ




       โดยรวมแล้วพอสรุปได้ว่าร้าน Let's Sip ถือเป็นร้านกาแฟคุณภาพอีกร้านหนึ่งที่ผสมผสานไปด้วยศาสตร์และศิลป์ในการตกแต่งร้านที่ลงตัวกันอย่างกลมกลืน อีกทั้งรสชาติกาแฟก็อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่า "เข้าขั้น" รับรองว่าต้องเป็นที่ถูกอกถูกใจของคอกาแฟอย่างแน่นอน หากใครอยากไปลิ้มลอง ร้าน Let's Sip นี้ก็อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกลครับ โดยร้านตั้งอยู่บริเวณหัวมุมของห้าง Platinum ประตูน้ำโดยอยู่ติดทางแยกประตูน้ำฝั่งโรงแรมโนโวเทลกรุงเทพแพลตทินั่มครับ ร้านใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน แนะนำให้ไปช่วงใกล้พลบค่ำจะพบกับบรรยากาศอันน่ารื่นรมย์อีกแบบหนึ่งครับ

 

                                                                                                                                      กาลาโต้
             


วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Cupping Street : Yesterday Once More@Coffee Today


       ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วครับสำหรับวันสงกรานต์อันเป็นประเพณีที่สำคัญของไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณผู้อ่านและชาว Coffee Mania ทุกท่านคงมีความสุขกับการเล่นน้ำกันและกลับมาทำงานด้วยความกระชุ่มกระชวยกันนะครับ


       เมื่อช่วงสงกรานต์หลังจากเล่นน้ำพอหอมปากหอมคอมาเสียหลายวันจึงหยุดพักอยู่บ้าน ดูหนังฟังเพลงในอินเตอร์เน็ตตามประสาคนยุคไอทีไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งถึงเพลง yesterday once more ของวง Carpenters ด้วยท่วงทำนองอันอ่อนโยนแถมเนื้อเพลงก็ลึกซึ้งทำให้เผลอรำลึกนึกความหลังเก่าๆ โดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็แปลกนะครับความหลังของคนเรานั้นมีมากมายเหลือเกิน ดีบ้าง ร้ายบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ปะปนกันไป ตั้งแต่ตอนเด็กจนถึงปัจจุบันมีเป็นพันๆ หมื่นๆเรื่อง บางอย่างคิดว่าจะเลือนหายไปจากความทรงจำแล้วแต่พอมีอะไรมากระตุ้นหรือสะกิดไม่ว่าเรื่องนั้นจะนานมากแค่ไหนก็กลับเข้ามาสู่ความทรงจำของเราได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ดังนั้นในสมองของคนเราเรื่องที่จะลืมนั้นคงไม่มี คงมีแต่ว่าจะจำได้เร็วหรือได้ช้าเท่านั้นเอง และเพราะเพลง yesterday once more นี่แหละจึงเป็นที่มาของบทความในตอนนี้กับร้านกาแฟแนว Retro อย่าง Coffee Today นั่นเองครับ


       เมื่อเอ่ยถึงร้าน Coffee Today แล้วเชื่อว่าบรรดาคอกาแฟทั้งหลายย่อมเคยลิ้มลองกันมาบ้างแล้วอีกทั้งยังนึกไปถึงสภาพของ Kiosk ของร้าน Coffee Today ที่มีรูปแบบเดียวกันและตั้งอยู่ตามห้างสรรพสินค้าและพื้นที่สาธารณะที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่วันนี้จะพาไปยังร้าน Coffee Today สาขา Big C ราชดำริ ชั้น 2 ครับเพราะร้าน Coffee Today สาขานี้เค้าเป็นร้านจริงๆ แถมการตกแต่งร้านยังแต่งแบบแนว Retro ย้อนยุคไปยังช่วง 70s ให้บรรดานักดื่มวัยกลางคนได้รำลึกความหลังกันอีกด้วย


       Theme การตกแต่งร้านของสาขานี้นั้นเหมือนเจ้าของร้านจะได้แรงบันดาลใจจากบรรยากาศช่วงยุค 70s ของต่างประเทศมีการจำลองบรรยากาศในช่วงยุคนั้นมาอยู่ในร้านกาแฟทั้งอุปกรณ์ตกแต่งร้านที่มีการนำของสมัยนั้นมาเป็นเครื่องตกแต่งอาทิเช่น จักรเย็บผ้า เก้าอี้ไดร์ผมในร้านเสริมสวย โทรศัพท์แบบหมุนตัวเลขหรือแม้กระทั่งบนฝาผนังก็ยังประดับไปด้วยรูปของนักร้องชื่อดังในยุค 70s ได้แก่ Marilyn Monore หรือแม้กระทั่ง Elvis Presley ก็ยังมีให้เห็น ซึ่งหากใครเกิดหรือโตในยุคนั้นคงจะคุ้นตากับภาพบรรยากาศดังกล่าวเป็นอย่างดีแต่หากเกิดไม่ทันก็จะพบได้ในหนังย้อนยุคซึ่งจะมีภาพดังกล่าวปรากฏให้เห็นเสมอๆ โดยจะเป็นฉากในผับบาร์หรือร้านอาหารช่วงยุค 70s นั่นเอง


       การจัดพื้นที่ร้านจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ โดยแบ่งเป็นสัดส่วนได้อย่างลงตัว โดยส่วนหน้าจะเป็นที่นั่งแบบ counter bar สำหรับคนที่มานั่งใช้บริการคนเดียว ส่วนที่ 2 อยู่บริเวณกลางร้านแบ่งเป็นที่นั่งแบบโซฟาและที่นั่งแบบโต๊ะอาหาร และสำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบไม่พลุกพล่านต้องส่วนที่ 3 อยู่บริเวณลึกสุดของร้าน จะนั่งตรงไหนอย่างไรผู้ดื่มสามารถเลือกได้ตามความสะดวก


       บางคนอาจจะแปลกใจอยู่ว่าร้าน Coffee Today นั้นเป็นร้านกาแฟแบบ franchise จะสามารถทำเป็นร้านอะไรแบบนี้ได้ด้วยหรือ เมื่อไปหาข้อมูลแล้วพบว่าสามารถทำได้ครับ โดยขึ้นอยู่กับสถานที่ ขนาดของพื้นที่ซึ่งเจ้าของร้านสามารถ create และสร้างสรรค์แนวของร้านเองได้แต่ต้องแจ้งให้ทางเจ้าของ franchise ต้นสังกัดทราบก่อนเท่านั้นเองครับ ไหนๆก็พูดถึง franchise ของ Coffee Today แล้ว ดังนั้นขอเล่าประวัติย่อๆ ของเจ้ากาแฟแบรนด์นี้เพื่อเป็นความรู้ก็แล้วกันครับ


       ร้านกาแฟ Coffee Today นี้ถือเป็นกาแฟแบรนด์ไทยแท้ 100% มีต้นกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2544 โดยคุณสาธิต มุกดาสนิทซึ่งมีพื้นเพอยู่จังหวัดระยอง ในตอนนั้นร้านกาแฟสดยังคงมีไม่มากนักคุณสาธิตได้มองเห็นโอกาสจึงได้เปิดร้าน Coffee Today ขึ้นและบริหารงานจนกระทั่งร้านประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักดีจากนั้นจึงค่อยขยายไลน์เข้ามากรุงเทพโดยสาขาแรกที่เปิดในกรุงเทพก็คือสาขา future park รังสิตและมีการขาย franchise ของธุรกิจเรื่อยมาจนมีมากมายเหมือนที่เห็นในปัจจุบันนี้ นี่แหละครับสุดยอด sme ของไทยที่สามารถขยายสาขาของร้านคนไทยให้เยอะและเป็นที่รู้จักสากลได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชื่อเสียงของ franchise นอก แบบนี้น่าสนับสนุนนะครับอีกทั้งเมล็ดกาแฟที่ใช้ของร้าน Coffee Today ก็เป็นเมล็ดกาแฟของไทยชั้นดีที่คัดสรรมาแล้วดังนั้นเมื่อนำมาทำเป็นเครื่องดื่มจึงได้เครื่องดื่มที่มีรสชาติเยี่ยมในราคาที่ไม่สูงมากนักเพราะเนื่องจากไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าเมล็ดกาแฟนั่นเองอีกทั้งยังเป็นการสะท้อนให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งว่าแท้จริงแล้วเมล็ดพันธุ์กาแฟในบ้านเรานั้นก็ไม่ด้อยไปกว่าเมล็ดกาแฟของต่างชาติเลยด้วยซ้ำเพียงแต่บางคนติดในภาพลักษณ์ที่ว่ากาแฟดีต้องเป็นเมล็ดกาแฟจากเมืองนอกเท่านั้นจึงทำให้ค่าของเมล็ดกาแฟไทยดูด้อยลง จริงอยู่ครับที่ว่าเมล็ดกาแฟดีย่อมทำให้ได้กาแฟดีแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลักใหญ่ผมเชื่อว่าอยู่ที่กรรมวิธีการชงมากกว่า ต่อให้เมล็ดพันธุ์ดีเลิศขนาดไหน หากคนชงไม่ได้เรื่องก็คงไม่ต่างอะไรกับการดื่มน้ำล้างแก้วหรอกครับ จริงไหม?


       วกกลับมาสู่เรื่องของร้าน Coffee Today สาขา ฺBig C ราชดำริกันต่อดีกว่าครับ เนื่องจากการตกแต่งร้านที่มีสไตล์เฉพาะตัวนี้เองทำให้ในแต่ละวันมีทั้งลูกค้าขาจรและขาประจำมาใช้บริการอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่เมื่อซื้อกาแฟแล้วก็มักจะอดไม่ได้ที่จะเก็บภาพความทรงจำนี้ไว้เพื่อไว้ดูในวันข้างหน้า ซึ่งทางร้านเค้าก็ใจดีครับให้ถ่ายรูปในร้านได้เพียงแต่อย่าไปถ่ายด้านนอกซึ่งเป็นเขตของทางห้าง big c ครับ ซึ่งเค้ามีกฎห้ามอยู่แล้ว ส่วนใครอยากถ่ายรูปแล้วส่งขึ้น facebook อัพเดทสถานะก็ไม่มีปัญหาเพราะทางร้านเค้ามี WIFI ฟรีไว้ให้บริการกันอีกด้วยครับ


       สำหรับเรื่องรสชาติกาแฟนี่ไม่เป็นปัญหาเลยครับเพราะเนื่องจากเป็นร้าน franchise ดังนั้นรสชาติกาแฟจึงเป็นมาตรฐานเดียวกันเพราะใช้เมล็็ดกาแฟชนิดเดียวกันและสูตรการชงแบบเดียวกันจึงทำให้ได้รสชาติใกล้เคียงกันในแทบทุกร้านของ Coffee Todayซึ่งถ้าหากใครอยากทานรสเข้มๆ แนะนำให้สั่ง Today เย็นหวานน้อยแต่ถ้าหากใครอยากได้รสชาติแบบเข้ม กลมกล่อมแนะนำให้สั่ง Espunccino เย็นหวานน้อย ซึ่งเมนูนี้เองผมชอบมากที่สุดเพราะเป็นการผสมผสานกันระหว่าง Espresso กับ Capunccino นั่นเองครับ


       เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ review ในตอนนี้ ใครว่าอดีตย้อนไม่ได้ครับ จริงอยู่ที่ว่าเวลาที่ล่วงผ่านไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้แต่ว่าเราเองก็สามารถเลือกได้ว่าจะเก็บช่วงเวลานั้นเอาไว้ในความทรงจำของเราหรือไม่ หากเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่น่าจดจำก็ขอให้เก็บไว้ในช่วงต้นๆ ของความทรงจำเพื่อที่เวลาเรานึกถึงมันขึ้นมามันจะได้มาโดยทันที หากเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำก็ขอให้เก็บมันไว้ลึกๆในใจอย่าให้มันทะลักออกมา อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ในตอนต้นนั่นแหละครับว่าไอ้ที่จะลืมนั้นคงไม่มี คงจะมีเพียงแต่จำได้ช้าหรือเร็วและเลือกที่จะนึกถึงสิ่งไหนมากกว่ากันนั่นเอง ขอให้วันเวลาดีๆ ของทุกคนเป็น Yesterday Once More ครับ

                                                  
                                                                                                                       กาลาโต้



วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Cupping Street : .....ยอด.....พู!



       เดือนเมษายนของทุกปีเป็นที่ทราบกันดีครับว่ามีเทศกาลประจำชาติที่ยิ่งใหญ่โด่งดังไปทั่วโลกอยู่เทศกาลหนึ่ง นั่นก็คือ "เทศกาลสงกรานต์" และเมื่อเอ่ยถึงสงกรานต์แล้วแน่นอนว่าชื่อของ "ถนนข้าวสาร"ย่านบางลำพู ย่อมต้องเป็นที่นึกถึงอันดับต้นๆ อย่างแน่แท้เลยทีเดียว ดังนั้นในตอนนี้ขอนำผู้อ่านทุกท่านลัดเลาะรั้วบางลำพูไปยังร้่านกาแฟชั้นยอดอีกร้านหนึ่งที่มีลูกค้าคับคั่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเผื่อใครผ่านไปผ่านมาแถวนั้นจะได้แวะชิมกันแก้กระหายครับ



       ร้านที่จะพาไปในวันนี้มีชื่อว่าร้าน "ยอดพูกาแฟสด" โดยร้านมีนิวาสถานตั้งอยู่ในซอยไกรสีห์ ซึ่งเป็นซอยอยู่ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหารและซอยดังกล่าวสามารถลัดเลาะทะลุไปยังถนนข้าวสารได้ โดยมีจุดสังเกตคือป้ายสีเหลืองที่เขียนว่า Hello Hostel นั่นเองครับเพียงแต่ว่าร้านที่เราจะไปไม่ใช่ร้านตรงป้ายเหลืองหากแต่อยู่ติดกับร้านป้ายเหลืองนั่นเองครับ



       ถึงแม้ร้าน ยอดพูกาแฟสดจะเห็นไม่ค่อยเด่นชัดจากภายนอกสักเท่าไหร่เนื่องจากว่ามีร้านเสื้อผ้าจำนวนมากบดบังอยู่ค่อนข้างมาก แต่เมื่อเราเดินลัดเลาะทางเท้าไปจะมีจุดสังเกตหลักก็คือป้ายธงญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ด้านหน้า ถ้าเห็นธงนี้เมื่อไหร่เป็นอันว่ามาถูกทางแล้วครับ



       ร้านยอดพูกาแฟสดตั้งอยู่ในตึกแถว 3 ห้องริมถนนไกรสีห์โดยแบ่งพื้นที่จัดสรรออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ชั้นล่างเปิดเป็นโซนกาแฟสดและโซนอาหารส่วนด้านบนเปิดเป็น guest house สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ



       ในแต่ละวันร้านยอดพูกาแฟสดจะคราคร่ำไปด้วยชาวไทยและชาวต่างชาติทั้งขาจรและขาประจำแวะเวียนมาใช้บริการทั้งอาหารและกาแฟ โดยเฉพาะกาแฟสดนั้นเรียกได้ว่าลูกค้าต้องสั่งมากินทุกโต๊ะหรือซื้อ take home กลับบ้านแทบทั้งสิ้นเลยทีเดียวเชียว แสดงให้เห็นว่ากาแฟของร้านนี้นั้นเป็นมาตรฐานและอร่อยจริงจนเป็นที่ยอมรับของคนทุกชนชาติ


       สำหรับกาแฟสดของที่นี่นั้นเป็นกาแฟสดชนิดเบลนด์มีหลายรสชาติให้ได้เลือกกันรวมไปถึง Bluemountain และ Brazil ที่หากินได้ไม่ค่อยง่ายด้วยครับ ถึงแม้ไม่แน่ใจว่าทั้ง 2 ชนิดดังกล่าวจะเป็นของแท้ 100% หรือไม่แต่รสชาติของกาแฟ 2 ชนิดที่ทำมาก็มีส่วนเหมือนรสชาติของแท้ที่เคยกินอยู่ไม่น้อยครับ หากใครไม่ใช่คอกาแฟชั้นเซียนรับรองว่าแยกไม่ออกแน่นอนครับ (ผมเองก็แยกไม่ออกเหมือนกัน ฮาๆ) แถมกาแฟทุกชนิดของที่ราคาก็ไม่สูงมากเรียกได้ว่าใครๆก็ดื่มกินได้ครับ



       สำหรับร้านยอดพูกาแฟสดนี้ผมเคยมาใช้บริการหลายครั้งแล้วครับ สั่งเครื่องดื่มหลายอย่างด้วยกันปรากฎว่ารสชาติดีได้มาตรฐานกาแฟสด แถมเรายังสามารถสั่งได้ว่าจะเอาหวานมัน หวานน้อย หรือไม่หวานเลย ทางร้านเค้าทำให้เราได้ทั้งสิ้นครับ แต่ที่ผมชอบและติดใจสั่งมากสำหรับร้านนี้เห็นจะเป็น Blue Mountain เย็น หรือไม่ก็  Brazil เย็น ซึ่งก็ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ 1)เป็นชนิดกาแฟที่หากินค่อนข้างยาก และ 2)Blue Mountain ของที่นี่มีกลิ่นหอมมาก ส่วน Brazil ก็ขม เข้มข้นแต่กลมกล่อมได้ใจ เรียกได้ว่ากินเมื่อไหร่ก็อร่อยเมื่อนั้นครับ ส่วน Latte หรือ Americano ของที่นี่ก็อร่อยได้มาตรฐานคนสั่งกันเยอะพอสมควรเลยครับ



       อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้วเชื่อได้ว่าหลายคนคงอยากรู้ถึงที่มาว่าทำไมถึงตั้งชื่อร้านว่า "ยอดพูกาแฟสด" มีความหมายอะไร อย่างไร คำตอบก็อยู่ที่แก้วนั่นเองครับ ที่แก้วเค้าเขียนไว้ว่า "ยอดพูกาแฟสด" บรรทัดถัดลงมาเขียนว่า "สุดยอดกาแฟสดบางลำพู" เมื่อเอาคำว่า ยอด และ คำว่าพู มารวมกันจึงเป็นที่มาของชื่อ "ยอดพู" นั่นเองครับ นับเป็นไอเดียเก๋ไก๋ไม่หยอกเลยนะครับ ส่วนใครที่กะว่าจะแวะไปดื่มช่วงเล่นน้ำสงกรานต์ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับเพราะร้านเค้าหยุดตั้งแต่ 13-18 เมษายน ครับ ก็เจ้าของอยากไปเล่นสงกรานต์ด้วยเหมือนกันนี่ครับ ฮา ฮา


                                                                                                                   กาลาโต้



วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Cupping Street : ดื่มสุด Hip@Chic Cafe



       สวัสดีครับประชาชนชาว coffee lover ทุกท่าน ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยมากถึงมากที่สุด เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว แถมบางวันฝนตกหนักอีก ต้องรักษาเนื้อ รักษาตัวกันให้ดีๆ นะครับ เดี๋ยวจะไม่สบายขึ้นมา ส่วนตัวผมเองขณะที่เขียนบทความนี้ก็เจ็บคอ เป็นหวัดมาหลายวันแล้ว ทำให้ดื่มกาแฟได้ไม่ค่อยอร่อยสักเท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงทำหน้าที่ตระเวนหาร้านกาแฟดีๆ มานำเสนอให้คอกาแฟอย่างพวกเราได้ไปลิ้มลองกันครับ



       ร้าน Chic Cafe By Body Shape เป็นร้านที่ผมจะแนะนำในวันนี้ครับ เพราะเป็นร้านที่ตกแต่งแบบ chic chic เล่นสีสันให้น่าติดตาม โดยสีภายในร้านเน้นสีแดง ขาวเป็นหลัก แถมเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ก็ยังสไตล์โมเดิร์นเสียด้วย เรียกโดยรวมได้ว่าเป็นร้านที่ดู สดใส สวยงาม สไตล์ chic สมชื่อเลยทีเดียว




       สำหรับใครที่ยังงงๆ อยู่ว่าไอ้คำว่า "Chic" นี้หมายถึงอะไร ก็ขออธิบายให้ฟังนะครับ คำว่า chic นี้เป็นภาษาฝรั่งเศสคล้ายๆ เป็น slang มีความหมายว่า เก๋ มีสไตล์ที่เก๋ไก๋ เริด อะไรประมาณนี้ เหมือนผู้หญิงที่แต่งตัวมีสีสันสดใส เริด ก็จะเรียกพวกนั้นว่า chic ครับ คงจะพอเข้าใจกันนะครับ หากอธิบายมากเดี๋ยวจะกลายเป็น blog สอนภาษาไปครับ



       ย้อนกลับมายังร้าน Chic Cafe By Body Shape กันต่อครับ ร้าน Chic Cafe นี้เป็นร้านที่บริหารจัดการโดย Body Shape ที่เิป็นศูนย์ดูแลเรื่องผิวพรรณ รูปร่างและความอ้วนที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีนั่นเองครับ โดยทาง Body Shape เองได้เปิดร้านกาแฟขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่รักสุขภาพและความงามควบคู่ไปกับเครื่องดื่มยอดนิยมตามสมัยนิยม ถือเป็นแนวคิดที่แปลกดีเหมือนกันนะครับ ใครจะไปคิดว่าในแมคคิอาโต้ 1 แก้ว เราจะบริโภคไขมันไปเท่าไหร่ ได้น้ำตาลไปกี่แคลอรี่ น้ำหนักจะเพิ่มเท่าไหร่ แต่ที่ Chic Cafe By Body Shape เค้าคำนึงถึงเรื่องนี้แทนคนดื่มกาแฟจึงค่อยๆ พัฒนาและเปิดเป็นร้านแนวนี้ขึ้นในที่สุดครับ



       ผลิตภัณฑ์ในร้าน Chic Cafe By Body Shape นั้นก็เหมือนกับร้านกาแฟชั้นนำทั่วๆไป คือมีชา กาแฟ สมูทตี้ ขนมปังและไอศรีมขาย ซึ่งหลังจากที่ลองดู 2-3 ครั้งต้องขอบอกว่ารสชาติใช้ได้เลยทีเดียว เป็นมาตรฐาน แต่สิ่งที่ทำให้ร้าน Chic Cafe By Body Shape โดดเด่นและแตกต่างจากร้านอื่นๆ ก็คือ กาแฟทุกชนิดยกเว้น espresso จะใส่สารอาหารต่างๆ ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Body Shape ลงไปผสมด้วย รวมไปถึงนมที่ใช้ก็ใช้แบบพร่องมันเนย แถม Whip Cream ที่นี่เค้าก็บอกว่ามีไขมันแค่ 30% เท่านั้นซึ่งจะทำให้ผู้ดื่มได้รับสารอาหารครบถ้วนแถมยังควบคุมน้ำหนักอีกด้วย เป็นอย่างไรครับน่าสนไหมครับ แถมราคายังเท่ากับกาแฟธรรมดาๆ อีกด้วยครับ เรียกได้ว่าได้ดื่มกาแฟที่ทำให้สุขภาพดีในราคาเบาๆ



       เนื่องจากวันที่ผมมารีวิวนี้ยังเจ็บคอเป็นหวัดไม่หายดี ดังนั้นจึงสั่ง Espresso ร้อนมาดื่ม ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบปีเลยครับที่ดื่มกาแฟร้อน พอพนักงานมาเสริฟ ชุดแก้วกาแฟดูเลิศหรูอลังการดีครับ แก้ว Espresso สีขาวตั้งอยู่บนที่รองแก้วที่มีสไตล์มาพร้อมกับกระดาษทิชชูที่ทำจากกระดาษ Recycle และแก้วน้ำดื่ม body shape ช่างดูน่าดื่มเสียกระไรนี่



       ทันทีที่กาแฟมาเสริฟกลิ่นหอมอันละมุนของ espresso ทำให้อดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมาพร้อมดื่ม c]tเมื่อมองลงไปพบว่า espresso แก้วนี้มี creama สีทองกระจายอยู่ทั่วไปถือเป็น espresso ที่ได้มาตรฐานและเมื่อยกดื่มเข้าปากให้หมดภายในครั้งเดียวตามหลักการดื่ม espresso แล้ว รู้สึกได้เลยว่ารสชาติของกาแฟกระจายอยู่ทั่วปากทั้งความขมและความหอมที่ผสมได้เข้ากันอย่างลงตัวและรสชาตินี้ยังติดปาก ติดลิ้น ไปอีกนานพอควรเลยทีเดียว นับเป็นกาแฟร้อนที่ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆครับ

       ลืมบอกไปว่าร้านที่ผมนำมารีวิวนี้อยู่บริเวณชั้น 2 โซนน้ำตกของห้างเดอะมอลล์บางกะปิ อยู่ติดกับร้าน Body Shape เลยครับ ใครอยู่ใกล้อยากไปลองดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพในรสชาติที่คุ้นเคยก็แวะไปลองกันได้ครับ นอกจากนี้ยังมีอีก 3 สาขาให้ได้ลิ้มลองกันคือที่สาขาซีคอนแสควร์ สาขา BTS อนุสาวรีย์ และสาขาหมู่บ้านสีวลี อยากไปลิ้มลองที่สาขาไหนก็แวะไปได้ครับ แต่อย่าลืมนะครับว่า ต่อให้ดื่มกาแฟที่ดีต่อสุขภาพหรือกาแฟจะมีสรรพคุณทำให้ fit & firm แค่ไหน แต่ถ้าเราไม่ควบคุมดูแลตัวเองให้ดีหรือออกกำลังกายอยู่เสมอ สุดท้ายเราก็เป็นได้แค่ "บูริน" เหมือนเดิมครับ @^_^@


                                                                                                               กาลาโต้