วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Blend Storming : "กาแฟ" มีประโยชน์หรือโทษมหันต์


       สวัสดีวันสุดท้ายของเดือนมิถุนายนครับทุกท่าน วันนี้บทความของ blog kafeme ขอนำเสนอเรื่องราววิชาการเกี่ยวกับกาแฟกันสักตอนนะครับเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้ blog ซ้ำซากจำเจ โดยหัวข้อที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ก็คือเรื่อง "กาแฟมีคุณประโยชน์หรือโทษกันแน่!!!"

       "กาแฟมีคุณหรือโทษ?" ดูท่าจะเป็นคำถามสุดเบสิคและเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับคอกาแฟและคอไม่กาแฟที่เรามักได้ยินกันอยู่บ่อยๆ บ้างก็ว่าทานกาแฟแล้วทำให้ติดคาเฟอีน บ้างก็ว่าทานกาแฟแล้วเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ นาๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ฯลฯ ซึ่งนั่นเป็นความคิดเห็นของคนที่ไม่ทานกาแฟ ในขณะที่คนทานกาแฟก็ยกเหตุผลมาอ้างว่ากาแฟทำให้สมองตื่นตัว ทำให้ห่างไกลจากโรคนิ่ว  กาแฟทำให้การเข้าสังคมดูง่ายขึ้น ฯลฯ ดังนั้นอาจพอสรุปได้ว่าทั้งคนทานกาแฟและไม่ทานกาแฟต่างก็ล้วนมีเหตุผลเป็นของตนเองทั้งสิ้น

       เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือฉบับหนึ่งซึ่งได้พูดถึงคุณและโทษจากกาแฟโดยอาศัยอ้างอิงมาจากงานวิจัยของต่างประเทศ ผมเห็นว่าเป็นบทความที่มีประโยชน์และเขียนให้เข้าใจง่ายดี ดังนั้นวันนี้จึงขอนำมาเล่าสู่ให้บรรดาคนรักกาแฟทุกคนได้ฟังกัน

       หนังสือเล่มนี้เค้าบอกไว้ว่าสำหรับคนที่ชื่นชอบการทานกาแฟแล้ว หากว่าดื่มไปแล้วครึ่งหนึ่งในเวลา 4 ชั่วโมง ร่างกายจะขับสาร Caffeine ออกมาซึ่งจะไม่สะสมในร่างกายและขับออกมาหมดโดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่ด้วยแล้วร่างกายจะขับออกได้เร็วกว่าคนปกติหากแต่ทว่าในคนท้องและคนที่กินยาคุมกำเนิดร่างกายจะขับสาร Caffeine ได้น้อยกว่าคนปกติจึงทำให้มีสาร caffeine ตกค้างในร่างกายมากกว่าคนทั่วไป

       หนังสือเล่มนี้ยังบอกอีกด้วยว่าภายใน 1 วัน เราจะรับสาร Caffeine ประมาณ 250-600 มิลลิกรัม ซึ่งปริมาณขนาดนี้นั้นไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายและจะไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางทำให้ไม่ง่วง มีสมาธิในการทำงานดีขึ้น และยังลดอาการปวดเมื่อยจากการเป็นไข้หวัดได้อีกด้วย รวมถึงช่วยทำให้มีสมรรถภาพร่างกายที่ดีมากขึ้นเช่น มีความอดทนมากขึ้น ทำกิจกรรมกลางแจ้งได้นานขึ้น ใช้กำลังได้มากขึ้น และสำหรับผู้ที่ต้องการขับปัสสาวะ การดื่มกาแฟจะช่วยให้ปัสสาวะได้ง่ายขึ้นแต่มีข้อยกเว้นคือห้ามดื่มกาแฟอย่างเด็ดขาดในขณะที่ออกกำลังกายหรือหลังจากออกกำลังกายใหม่ๆ เพราะจะทำให้ร่างกายเสียน้ำมากกว่าปกตินั่นเอง

       นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงถึงงานวิจัยของ World Cancer Research Fund ที่ระบุว่า หากดื่มกาแฟวันละ 3 แก้วจะลดอาการหอบหืด หากดื่มวันละ 4 แก้วจะช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ และหากดื่มมากกว่า 6 แก้วต่อวันการทดสอบสมรรถภาพปอดจะดีขึ้น (น่าจะหมายถึงการบริโภคกาแฟดำไม่ผสมนมหรือน้ำตาลมากกว่าครับเพราะถ้าเป็นกาแฟเย็นผสมนมหรือน้ำตาล น้ำเชื่อม วันละ 6 แก้วนี่โรคเบาหวานถามหาแน่นอน : ผู้เขียน) และผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำจะลดอัตราการเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะและนิ่วในถุงน้ำดีอีกด้วย


       แต่อย่างไรก็ตามกาแฟส่งผลเสียต่อเพศหญิงมากกว่าเพศชายเนื่องจากว่าหากเพศหญิงดื่มกาแฟติดต่อกันทุกวันมีโอกาสเสี่ยงเป็นหมันมากกว่าผู้ชายอีกทั้งยังส่งผลเสียต่อทั้งสองเพศในกรณีีที่เป็นโรคเบาหวานเพราะจะทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินเพิ่มขึ้น 15% กรดไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น ฮอร์โมน epinphrine เพิ่มสูงขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น


       ผมเชื่อวากาแฟก็เหมือนของทุกสิ่งในโลกนี้แหละครับที่มี 2 ด้านให้เลือกมอง ให้จับต้อง ผมเชื่อว่าสิ่งใดที่มีคุณอนันต์ สิ่งนั้นก็ย่อมต้อมีโทษมหันต์ด้วยเช่นกัันขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้หรือเลือกใช้มันอย่างไรให้เกิดความพอดี กาแฟก็เช่นกันครับ หากเราบริโภคแต่พอดีไม่มากไป ไม่น้อยไป รับรองได้ว่ามีแต่ประโยชน์แน่นอน สวัสดีครับ


                                                                                                                        กาลาโต้
วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Cupping Street : ความสุขโดยสังเขป

       เมื่อเร็วๆ นี้ผมมีโอกาสได้ฟังบทสัมภาษณ์คุณ "หนุ่มเมืองจันท์" คอลัมน์นิสต์ชื่อดังเจ้าของหนังสือ best seller อย่าง ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ โดยผู้สัมภาษณ์คือคุณสุรนันท์ เวชชาชีวะ เกี่ยวกับเรื่อง "ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่" มีอยู่ตอนหนึ่ง คุณหนุ่มเมืองจันท์ได้กล่าวถึงความสุขไว้อย่างน่าฟังว่า

       "คนเรามีชีวิตในวันหนึ่งๆ 24 ชั่วโมง ใช้เวลานอน หลับตาไปแล้ว 8 ชั่วโมง เหลือเวลาลืมตาอีก 16 ชั่วโมงถ้าเราทำงานครึ่งหนึ่้งของชีวิตที่ลืมตาไม่มีความสุขก็เท่ากับคุณใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งของคุณไม่มีความสุข เพราะความสุขเป็นพลังทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไป" ฟังแล้วได้แง่คิดดีครับ!



       ผมเชื่อว่าในวันหนึ่งๆ คนเราทุกคนต้องมี คิดมี หรือแม้กระทั่งอยากมีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเองบ้างไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเอาไว้คิดเรื่องงาน เอาไว้ผ่อนคลายความตึงเครียด หรือแม้กระทั่งเอาไว้สงบสติอารมณ์ ถือเป็นสิ่งที่ดีครับ สำหรับตัวผมเองนั้น เวลาดังกล่าวมักจะเป็นเวลาที่ผมอยู่ในร้านกาแฟหรือเวลาที่ผมดื่มกาแฟ เพราะเวลานั้นผมจะรู้สึก "สงบ" และ "มีสติ" ที่สุด เวลาดังกล่าวมักจะช่วยทำให้ความคิดของผมตกผลึกและมีหลายครั้งทีเดียวที่ทำให้ผมคิดงานดีๆ ออกมาได้และแน่นนอนที่สุดคือ "มันทำให้ชีวิตผมมีความสุข"


       ร้าน "Your Time Since Now" ที่ผมจะพูดถึงในวันนี้ก็เป็นร้านกาแฟอีกร้านหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นเป็นบทความจากความคิดอันตกผลึกของผมขณะที่ใช้เวลานั่งดื่มกาแฟ ณ ร้านแห่งนี้ โดยร้าน Your Time Since Now นี้ มีสิ่งดึงดูดใจบรรดาคอกาแฟและบรรดาคนที่เดินผ่านไปมานับตั้งแต่การจัดหน้าร้านที่ใช้บริเวณด้านล่างของคอนโดมีเนียมตกแต่งอย่างสวยงามจนกลายเป็นร้านกาแฟสไตล์เมืองนอกเย้ายวนชวนใจให้เข้าไปลิ้มลองได้ไม่น้อยไปกว่าชื่อของร้านที่เล่นเกี่ยวกับเวลา (ชื่อร้านแปลได้ว่า "เวลาของคุณเริ่มต้นแล้ว ณ ตอนนี้ : ผู้เขียน)

       แรกเห็นด้านนอกให้ความรู้สึกที่ดีแล้ว เมื่อเดินเข้าไปด้านในร้านจะพบกับบรรยากาศที่ดูอบอุ่น หรูหรา ทว่าแฝงไปด้วยความสบายๆ อย่างเป็นกันเอง โต๊ะแต่ละโต๊ะมีการจัดวางอย่างลงตัวดูไม่อึดอัด สร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้เหมือนช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเวลาพักผ่อนที่แท้จริงของเรา


       สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างคือบริเวณหน้า counter จะมีนาฬิกาบอกเวลาของประเทศต่างๆ อยู่หลายเรือน แสดงว่าเจ้าของร้านเลือกที่เล่นกับ "เวลา" เป็น theme หลักของร้าน ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายที่ดีเลยทีเดียวและเท่าที่สังเกตดูลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการจะเป็นชาวต่างชาติเสียส่วนใหญ่ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการตกแต่งร้านจึงทำให้ชาวต่างชาติรู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศของร้านที่เหมือนกับตอนอยู่ต่างประเทศก็เป็นได้

       กลับมาถึงเรื่องเครื่องดื่มกันบ้าง ผมสั่ง Ice Latte หวานน้อยมาลิ้มลอง รสชาติกาแฟที่นำมาเสริฟมีความหอมในกลิ่นนมที่ผสมกับกลิ่นกาแฟเพียงแต่ว่าเมื่อดื่มไปแล้วรสชาติกาแฟรู้สึกเข้มข้นน้อยไปนิด ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะกาแฟที่ใช้มีรสชาติอ่อนหรือแรงกดกาแฟของบาริสต้าสาวมีน้อยเกินไปหรือไม่แน่ว่าจริงๆแล้วกาแฟอาจจะมีรสชาติปกติแบบที่คนธรรมดาทั่วไปกินอยู่แล้ว แต่ผมเป็นคนกินเข้ม เลยทำให้รู้สึกว่ากาแฟแก้วนี้ไม่ค่อยเข้มข้นเหมือนร้านอื่นๆ ที่ผ่านมา แต่โดยสรุปแล้วรสชาติถือว่าอยู่ในขั้นใช้ได้ครับ

       อีกอย่างที่อยากจะแนะนำสำหรับคนตื่นเช้าก็คือร้าน Your Time Since Now นี้เค้าเอาใจบรรดาคนตื่นเช้าและพนักงานออฟฟิศด้วย breakfast set กันตั้งแต่ 7 โมงเช้า ให้ได้บริโภคเติมพลังงานทางกายและพลังงานทางใจให้เปี่ยมล้นกันก่อนที่จะไปเผชิญกับเรื่องราวต่างๆมากมายที่รออยู่เบื้องหน้า ในราคาที่ไม่แพง ใครอยากลิ้มลองก็มาได้ครับ

       ร้าน Your Time Since Now นี้หาง่ายครับอยู่บริเวณชั้นล่างของ Rajvithi City Resort ซึ่งอยู่ติดกับสวนสันติภาพอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเลยครับ รับรองไม่หลงแน่นอน

       ความสุขของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกันแต่ผมเชื่อว่า "ทุกคน" อยากจะมีความสุขด้วยกันทั้งนั้นแหละครับถ้าเลือกได้ แต่เนื่องจากชีวิตจริงของคนเราไม่มีใครที่จะมีความสุขแต่เพียงอย่างเดียวและก็ไม่มีใครหรอกที่จะมีแต่ความทุกข์ล้วนๆ ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำคือ "สุขก็เตรียมไว้ว่าความทุกข์คงตามมาอีกไม่ไกล" และ "เพราะคนเรามีความทุกข์มันจึงทำให้เราได้รู้สึกคุณค่าของความสุข" ทั้งสองอย่างนั่นและครับคือ "ความสุขโดยสังเขป" ของผม.....สวัสดี


                               
                                                                                  กาลาโต้









วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Cupping Street : ร้านกาแฟแซบ Mitte Coffee

       "พ่อค้าแซบ" กลายเป็นฉายาล่าสุดที่ฮิตติดปากสำหรับหนุ่ม "บอส" เจ้าของและหุ้นส่วนร้านกาแฟรวมไปถึงเป็นชื่อเรียกติดหูของร้าน Mitte Coffee ไปโดยปริยายทันที เมื่อรายการยอดฮิตทางเคเบิ้ลทีวีและอินเตอร์เน็ตอย่าง "เทยเที่ยวไทย" มาถ่ายทำเยี่ยมเยือนร้าน ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าในแต่ละวันจะมีทั้งคอกาแฟและบรรดาสาวๆ น้อยใหญ่แวะเวียนมาที่ร้านกันอย่างไม่ขาดสาย มีทั้งที่ไปกินกาแฟจริงๆและไปเพื่อแอบเหล่พ่อค้าแซบอย่างเป็นล่ำเป็นสัน แต่ใครจะรู้บ้างว่าร้าน Mitte Coffee นี้เค้ามีชื่อเสียงมานานแล้วก่อนที่จะออกรายการเสียอีก เรียกได้ว่าใครผ่านมาเมืองทองธานีบ่อยๆ ย่อมต้องเคยเห็นป้ายร้านหรืออาจเคยมาลิ้มลองกันบ้างแล้วอย่างแน่นอนรวมไปถึงนักศีกษามหาวิทยาสุโขทัยธรรมาธิราชที่ตั้งอยู่บริเวณนั้นอีกด้วย

       สัญลักษณ์กระรอกขี่หลังนกฮูกเป็นโลโกที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของร้าน Mitte Coffee เมื่อเราเข้ามาจากบริเวณทางเข้าเมืองทองธานี โดยเป็นร้านขนาด 1คูหา ซึ่งชั้นแรกและชั้น 2 เป็นโซนกาแฟและขายของกิฟท์ชอปทั่วไป ส่วนชั้นบนเป็นโรงเรียนกวดวิชาภาษาจีนและบริษัททัวร์ เรียกได้ว่าในตึกๆเดียวมีความหลากหลายมากมายให้เลือกกันเลยทีเดียว


       สัมผัสแรกเมื่อเข้าไปในร้านพบว่าร้านมีลักษณะที่โปร่ง นั่งสบาย แสงไฟจากโคมไฟหลายดวงในร้านช่วยทำให้ร้านมีความสว่าง ดูไม่อึดอัด มีการจัดร้านด้วยสไตล์ที่หรู เรียบง่าย เหมือนกับอยู่บ้าน เมื่อมองไปยังหน้า counter จะพบขวด Syrup ชนิดต่างๆ วางเรียงรายกัน และเมื่อมองไปด้านบนจะพบกับเมนูเครื่องดื่มของร้านที่มีมากมายให้เลือกสรร ทั้งกาแฟในแบบธรรมดาที่เราคุ้นเคยกันอย่างเช่น Espresso, Americano, Cappuncino เหล่านี้เป็นต้น แต่ที่เด็ดสุดเห็นจะเป็นเครื่องดื่มในเมนู Special Latte ที่มีมากกว่า 10 เมนูเย้ายวนชวนให้ลิ้มลองอาทิ Macademia White Choc Latte, Sweet Heart Latte, Banana Latte, Almond Amaretto Latte etc. โดยเครื่องดื่มเหล่านี้จะเป็นเครื่องดื่มผสม syrup เป็นหลักและมีลักษณะเฉพาะตัวตามชื่อนั้นๆ และนอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มประเภท ชา smoothie และ cocktail ให้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ทานกาแฟอีกด้วย

       เนื่องจากว่าเพิ่งเคยมาเยี่ยมเยือนร้าน Mitte Coffee เป็นครั้งแรก ดังนั้นเครื่องดื่มที่สั่งจึงขอเป็นแบบธรรมดามาตรฐานก่อนนั่นก็คือ Ice Latte ซึ่งเพียงไม่กี่อึดใจ กาแฟที่สั่งก็มาอยู่ด้านหน้าพร้อมให้ลิ้มลอง ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดและผ่านน้ำร้อนจากเครื่องชง Espresso ระดับคุณภาพ ทำให้ดูท่าว่ากาแฟแก้วนี้คงจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว

       จิบแรกที่ได้ลิ้มลองทำให้รู้สึกได้ถึงความกลมกล่อมของกาแฟที่สดใหม่ผสมผสานกับรสชาติของนมได้อย่างลงตัว รสชาติกาแฟติดอยู่ที่ลิ้นและในคออยู่เป็นเวลานาน อีกทั้งระดับความขมของกาแฟก็อยู่ในปริมาณที่พอดี ไม่ขมจนเกินไป สามารถทานได้แม้ไม่ต้องเติมน้ำเชื่อม ส่วนเพื่อนผมที่สั่ง Ice Americano ถึงกับเอ่ยปากบอกว่าเป็น Americano ที่ดีที่สุดหนึ่งในไม่กี่ร้านที่กินแล้วติดใจในรสชาติ ขนาดนั้นเลยทีเดียวครับ
       ตลอดระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมงที่นั่งอยู่ในร้าน เราได้เห็นภาพของคนที่เข้ามาซื้อกาแฟกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นขาประจำที่มาใช้บริการกันเป็นประจำสังเกตได้จากการที่ลูกค้าพูดคุยและทักทายกับเจ้าของร้านอย่างเป็นกันเอง ที่มาจากรายการทีวีแนะนำก็มีให้เห็นบ้าง (น่าจะมาดูพ่อค้าแซบเป็นหลัก) แต่ก็ประปราย เป็นส่วนน้อยถึงน้อยที่สุด ซึ่งผมว่าต่อให้ไม่มีรายการใดๆมาโปรโมท โฆษณาร้าน Mitte Coffee ก็สามารถอยู่เลี้ยงตัวเองได้แล้วครับ

       สำหรับผมและคอกาแฟแล้วผมเชื่อว่าการที่เราจะเลือกร้านกาแฟดื่มสักร้านหนึ่งคงไม่ได้ดูถึงความ "แซบ"หล่อหรือสวยของเจ้าของร้านเป็นหลัก หากเพียงแต่เราแค่ต้องการกาแฟดีๆ กาแฟอร่อยๆ สักแก้ว ที่เมื่อเราดื่มแล้วได้รู้สึกถึงความเป็นกาแฟแท้ๆ ผมว่านั่นแหละคือความ "แซบ" ที่แท้จริงของคอกาแฟ ส่วนเรื่องความสวย ความงามของคนขายถือเป็น "มูลค่าเพิ่ม" หรือ "ของแถม" ครับ เห็นด้วยไหมครับ!

 
                                                                                                              กาลาโต้
วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

My Cup : คลอดแล้ว App My Galato V.1.0


       สวัสดีครับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ชาวชุมชนคนรักกาแฟทุกท่าน หากติดตาม blog "เรื่องของคนรักกาแฟ" มาตั้งแต่ต้นคงจะทราบถึงพัฒนาการ ความเปลี่ยนแปลงของ blog ที่มีมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอดเพื่อให้คนอ่านได้เข้าถึงข้อมูลขของทาง blog ได้รวดเร็วและฉับไวขึ้น ให้ทันกับโลกที่ปัจจุบันหมุนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงกับต้องหยุดเดินหรอกครับ สมัยนี้แค่เพียงก้าวช้าลงโลกก็หมุนแซงเราไปแล้ว

       ทาง blog ได้พยายามพัฒนาปรับปรุงหน้า blog ให้มีประสิทธิภาพ ให้การโหลดข้อมูลบนหน้าเว็บมีความรวดเร็ว ฉับไว มีการเปลี่ยน theme หน้า blog สม่ำเสมอเพื่อไม่ให้เกิดความจำเจ มีช่องทางการสื่อสารแบบ two-way communication ทุก channel ทั้งทาง twitter, Facebook และ e-mail เพื่อตอบโต้และรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกทุกคน, มีการทำหน้า blog ให้รองรับ Google Currents สำหรับคนชอบอ่านหนังสือทางสื่อดิจิตัล และสำหรับวันนี้ทาง blog มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเสนอสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจและความสะดวกอันสูงสุดให้กับผู้อ่าน blog "เรื่องของคนรักกาแฟ" ทุกคน นั่นก็คือ App "My Galato"

       App "My Galato" เป็น application บน Platform ระบบปฏิบัติการณ์ android ที่จะช่วยให้ผู้อ่านหรือแฟนคลับของ blog เรื่องของคนรักกาแฟทุกคนรวมไปถึงผู้ที่สนใจไม่พลาดทุกข้อมูล เรื่องราว ความเคลื่อนไหวต่างๆของ blog เรื่องของคนรักกาแฟ เพียงแค่ติดตั้ง App "My Galato" ลงบนสมาร์ทโฟนหรือแทบเลตที่รันระบบปฏิบัติการณ์ android ทุกช่องทางข่าวสารและการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นหน้า blog, Facebook หรือแม้กระทั่ง twitter ของเราก็จะโชว์บนหน้าจอดของคุณเพียง click เดียว ทำให้เราได้ใกล้กันมากขึ้นกว่าเดิม

       ลองสัมผัสประสบการณ์ App "My Galato" Version 1.0 ได้แล้ว วันนี้ โดยดาวน์โหลดได้ที่นี่ครับ


วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Cupping Street : Farm Design ในวันฝนตก


       ในที่สุดก็ก้าวเข้าสู่ฤดูฝน.....!
      
       ในบรรดาฤดูทั้งหมดของประเทศไทยผมชอบฤดูฝนมากกว่าฤดูอื่นๆ เพราะถึงแม้ว่าฝนจะนำมาซึ่งความเลอะเทอะ เฉอะแฉะและความลำบากในการเดินทาง แต่ขณะเดียวกันฝนก็นำมาซึ่งความชุ่มฉ่ำ อุดมสมบูรณ์ด้วยเ่ช่นเดียวกัน มีหนังหลายเรื่องที่จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นจากฝนในขณะที่หนังอีกไม่น้อยเลือกที่จะจบฉากด้วยด้วยฉากฝน ซึ่งนั่นอาจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า "ฝน" มีความหมายและเป็นอะไรได้หลายๆอย่าง เป็นได้มากกว่าสภาพที่ความร้อนกระทบกับไอเย็นแล้วกลั่นตัวออกมาเป็นหยดน้ำ หากแ่ต่ ฝนยังหมายถึงความหวังของชาวไร่ ชาวนา ฝนหมายถึงสิ่งที่พึ่งพาของชาวเกษตรกรรม ส่วนผมแล้วตอนนี้ "ฝน" เป็นที่มาที่ทำให้ได้บทความในตอนนี้ครับ......


       เพราะเหตุที่ฝนตกกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตาทำให้ไฟฟ้าบริเวณแถวบ้านดับสนิทยาวนานหลายชั่วโมง ถึงแม้ว่าอากาศจะเย็นสบายแต่ด้วยทนความเงียบเหงาไม่ไหวจึงทำให้ต้องฝ่าสายฝนไปหากาแฟสักแ้ก้วดื่มเติมเต็มความเหงาและเสริมบรรยากาศโดยออกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงจุดมุ่งหมายเซ็นทรัลพระราม 9 ร้าน Farm Design


       ร้าน Farm Design นี้ผมเองเคยผ่านทุกครั้งที่มาเซ็นทรัลพระราม 9 หากแต่ไม่มีโอกาสได้แวะเวียนได้แต่เพียงเล็งๆ เอาไว้จนกระทั่งวันนี้ฤกษ์งามยามดีจึงได้เข้าไปใช้บริการท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายได้บรรยากาศไปอีกแบบ


       จุดเด่นของร้าน Farm Design ไม่ได้อยู่ที่ประวัติความเป็นมาของร้านที่เป็น story แต่อย่างใด แต่สำหรับคนไทยแล้วสิ่งที่สร้างความน่าสนใจให้กับร้าน Farm Design เองนั้นก็คือการเลือกที่จะนำเอา "นมฮอกไกโด" และ "ชีสเค้ก" มาเป็นพระเอกและนางเอกของร้านนั่นเองครับ ซึ่งสร้างความนิยมได้ไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับบรรดาผู้ที่ชื่นชอบชีสเค้กและนมฮอกไกโด อีกทั้งผลิตภัณฑ์ของที่นี่แทบจะทุกชิ้นล้วนแล้วแต่ผลิตจากชีสและนมฮอกไกโดทั้งสิ้นไม่เว้นแม้แต่ "กาแฟ"


       "Whaite Mocha Latte" เป็นเครื่องดื่มที่ผมเลือกที่จะสั่งในวันนี้โดยสั่งเคียงคู่กันกับ Choco Mooo Cheese Cake ในขณะที่คนรู้ใจของผมสั่ง Hot Chocolate มาทาน ซึ่งแน่นนอนว่าของทั้งหมดที่สั่งมีส่วนผสมของนมฮอกไกโดทั้งสิ้น


       เพียงจิบแรกที่ได้ดื่ม White Mocha Latte นั้นก็สมามารถสัมผัสได้ถึงรสชาติของนมฮอกไกโดที่เข้ากันกับกาแฟและช็อคโกแลตอย่างกลมกล่อม กลิ่นหอมของนมผวมผสานเข้ากับไซรัปได้อย่างลงตัว ความหวานมันของเครื่องดื่มเข้ากับ Choco Mooo Cheese Cake ได้อย่างพอดิบพอดี ดังนั้นกาแฟและของหวาน set ที่สั่งในวันนี้สำหรับผมถือว่า "สอบผ่าน" ครับ


       ในส่วนของ Hot Chocolate นั้น จัดว่าใช้ได้ดีเลยทีเดียว โกโก้ชั้นดีเมื่อชงรวมกันกับนมฮอกไกโดสามารถเรียกความอบอุ่นและพลังงานให้กลับมาท่ามกลางความหนาวเหน็บจากสายฝนได้เป็นอย่างดี


       ระหว่างที่จิบกาแฟรอฝนขาดเม็ดอยู่นั้น เมื่อมองไปนอกหน้าต่างร้าน มีเรื่องราวให้ชวนคิดมากมาย ผมชอบนะครับบรรยากาศแบบนี้ นั่งดื่มกาแฟอยู่ริมหน้าต่าง มองบรรยากาศภายนอกท่ามกลา่งฝนที่ตกลงมา ใครที่เคยอยู่ในห้วงอารมณ์นี้คงทราบดีว่า "สุนทรีย์ขนาดไหน".....สวัสดีครับ


                                                                                     กาลาโต้






วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

The Bookmark : สารคดีฉบับ "กาแฟ"



       สวัสดีครับชุมชนคนรักกาแฟทุกคน เผลอนิดเดียวก็เข้าเดือนมิถุนายน เดือนที่ 6 ของปีแล้วนะครับ พูดถึงเวลาแล้วก็ถือเป็นแปลกเหมือนกันนะครับ เพราะเมื่อเราเฝ้าคอยจะให้ถึงวันเวลาที่เราต้องการเวลากลับดูเหมือนจะผ่านไปอย่างช้าๆ แต่พอเราไม่สนใจเผลอแป๊บๆ มันกลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว นี่ก็เข้าครึ่งปีหลังแล้ว ใครที่คิดจะทำอะไรแต่ยังไม่ได้ทำก็รีบๆลงมือทำซะนะครับ เพราะไม่อย่างนั้นหันมาอีกทีอาจจะสิ้นปีแล้วก็ได้ (@^_^@)

       สำหรับ entry ของเดือนมิถุนายนของ blog เรื่องของคนรักกาแฟนี้ ขอประเดิมเรื่องด้วยนิตยสาร "สารคดี" ฉบับที่ 327 ประจำเดือนพฤษภาคม 2555 ที่เพิ่งออกมาได้ไม่ถึงสัปดาห์ดีครับ  ผมเชื่อว่านิตยสาร ฉบับนี้ย่อมต้องถูกอกถูกใจคอกาแฟอย่างเราๆท่านๆ แน่นอนเริ่มตั้งแต่หน้าปกก็ดูชวนลิ้มลองแล้วครับเป็นรูปกาแฟดำในแก้วขาววางอยู่ท่ามกลางเมล็ดกาแฟที่รายล้อม เห็นแล้วอยากจะบอกว่า "ไปหากาแฟดื่มกันเถอะ"

       และด้วย Theme ของนิตยสารประจำฉบับนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับกาแฟดังนั้นเนื้อหา 3 ใน 4 ของเล่มจึงเน้นไปที่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับกาแฟอันมีเนื้อหาค่อนข้างเป็นวิชาการเพื่อให้เข้ากับแนวหนังสือซึ่งถึงแม้ว่าเนื้อหาจะค่อนข้าง serious กว่านิตยสาร Food Of  Life ฉบับกาแฟที่เคยแนะนำไปแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่าอ่านลดลงครับ แถมได้ความรู้อีกมากมาย เรียกได้ว่าคอกาแฟอ่านแล้ววางไม่ลงเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น scoop เรื่องเด่นประจำฉบับในตอน "กาแฟสมัยใหม่ รสนิยมร่วมสมัย", "หอมกลิ่นกาแฟดอยช้าง กาแฟไทยไปสู่ตลาดโลก", "Item Footprint : เรื่องของถ้วยกาแฟ"  และอื่นๆ อีกมากมายเพียงแค่นี้ก็คุ้มค่าที่จะเจียดเงินกินกาแฟ 120 บาท คว้านิตยสารฉบับพิเศษฉบับนี้มาครอบครองเป็นเจ้าของเก็บไว้ขึ้นหิ้งแล้วครับ

       ดังนั้นคอหนังสือและคอกาแฟจงอย่าช้าโดยพลันรีบออกไปหามาเป็นเจ้าของก่อนที่จะต้องร้องเพลง "เสียดายที่วันนี้ไม่มีเธออยู่" ครับ ด้วยรัก.......


                                                                                         กาลาโต้