วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557 | By: กาลาโต้

Reveal : แกะรอยคำพยากรณ์ข้างแก้ว Cafe Amazon

สวัสดีคนรักกาแฟทุกท่านครับเผลอแป๊บเดียวปี 2557 ก็กำลังจะผ่านพ้นไปปี 2558 กำลังจะเข้ามาเป็นอย่างไรกันบ้างครับปีนี้ได้ทำอะไรตามที่หวังไว้หรือไม่ ถ้ายังไม่ได้ทำหรือทำได้ไม่ตามเป้าก็ไม่เป็นไรปีหน้าฟ้าใหม่ยังมีโอกาสขอแค่เพียงแค่มีความมุ่งมั่นที่จะทำและไม่หยุดฝันผมเชื่อว่าไม่วันใดวันหนึ่งย่อมต้องสำเร็จผลตามที่ตั้งใจไว้อย่างแน่นอนผมคอยเอาใจช่วยครับ


กลับมาที่เรื่องของเรากันต่อดีกว่าครับ หากใครก็ตามที่เป็นแฟนในแฟนเพจ “เรื่องของคนรักกาแฟ” คงอาจพอจำได้ว่าผมได้มีการโพสต์เรื่องของ Gimmick เก๋ๆ ของ Café Amazon ที่มีเฉพาะช่วงปีใหม่นี้ไปโดย Gimmick ที่ว่านี้ก็คือคำพยากรณ์ข้างแก้วกาแฟ ซึ่งต้องยอมรับว่าผมเองสนใจกับกิจกรรมตัวนี้ค่อนข้างมากเลยครับเพราะเนื่องจากว่ายังไม่เคยมีร้านกาแฟเจ้าใดคิดลูกเล่นแบบนี้มาก่อนดังนั้นวันนี้วันดีจึงได้ถือโอกาสแวะร้านกาแฟ Café Amazon จัดไปหนึ่งแก้วและนำมารีวิวให้ทุกท่านได้ดูกันว่ามันเป็นอย่างไร



เมื่อซื้อกาแฟมาเราจะได้กาแฟรูปร่างแบบนี้


แต่แท้จริงแล้วมันสามารถแยกส่วนกันได้ครับเพราะเนื่องจาก Sleeve คลุมแก้วนั้นที่ทำมาจากกระดาษ


อีกมุม


เมื่อเรามองให้ชัดๆ จะเห็นว่า sleeve ที่ว่านี้จะมีรอยปรุให้เราแกะซึ่งเราก็ต้องแกะตามรอยปรุนั้น


พลิกกลับด้านจะเจอคำทำนาย


ดูกันชัดๆ ครับ อ่านว่าอะไรเอ่ย


เมื่อแกะแล้วก็นำมาสวมแก้วคืนก็สวยงามไปอีกแบบ

นี่แหละครับ Gimmick เก๋ๆ แต่ผมเองเชื่อว่าคนที่รับประทานกาแฟคงไม่ค่อยมีใครที่จะแกะอ่านคำพยากรณ์หรือคำทำนายที่อยู่ด้านหลังสักเท่าไหร่หรอกครับ คงคิดว่าเป็นเพียงแค่ Sleeve สวมแก้วกาแฟแบบปกติที่ทำออกมาตามงานเทศกาลเท่านั้นแต่ถึงกระนั้นก็ตามก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีและเป็นการพัฒนาอีกขั้นของวงการกาแฟไทยซึ่งหากมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้มากกว่านี้ผมเชื่อแน่ว่าแคมเปญนี้ประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน

ส่วนใครที่ดูรีวิวนี้แล้วอยากที่จะไปทดลองว่าตนเองจะได้คำทำนายหรือคำพยากรณ์อะไรก็สามารถไปทดลองกันได้ครับที่ร้านกาแฟ Café Amazon ทุกสาขาเพียงแค่ซื้อเครื่องดื่มขนาด 22 ออนซ์ขึ้นไปก็จะได้ sleeve ที่ว่านี้สวมแก้วทันทีโดยกิจกรรมนี้เริ่มต้นแล้วเรื่อยไปจนกระทั่งถึงวันที่ 5 มกราคม 2558 นี้เท่านั้น อย่าช้าครับ!

สำหรับบทความในตอนหน้าจะเป็นเรื่องอะไรต่อไปนั้นต้องติดตามให้ได้ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาดและหากใครที่ยังไมได้เป็นแฟนเพจ “เรื่องของคนรักกาแฟ” (http://www.facebook.com/kafeme)  ก็อย่าช้าครับ รีบมองไปทางด้านขวามือของท่านแล้วคลิกเบาๆ ในส่วนที่เขียนว่า “แฟนเพจเรื่องของคนรักกาแฟ” เพียงแค่นี้เราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วครับ
                                                                 

                                                                                               กาลาโต้


วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 | By: กาลาโต้

Cupping Street : O's Coffee กาแฟดีๆ ที่ไม่ต้องพึ่งแต่เพียงชื่อร้าน


       สวัสดีบรรดาคนรักกาแฟทุกท่าน ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ช่วงนี้อาจจะหายหน้าหายตาไปบ้างทั้งที่มีเรื่องราวมากมายที่อยากจะเขียนเพื่อแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันเพระาเนื่องจากว่าติดงานหลักและงานอื่นๆ จนทำให้เมื่อคิดจะเขียนก็ลืมบ้าง เหนื่อยบ้าง แต่ถึงอย่างไรก็สัญญาว่าจะพยายามมาอัพเดทข่าวสารให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันบ่อยๆ พร้อมๆ กับกำลังจะทำโปรเจคต์ดีๆ ให้คนรักกาแฟทุกท่านได้เสพกันในปีหน้า อย่าเพิ่งเบื่อกันเสียก่อนนะครับ



       กลับมาที่ entry นี้กันต่อดีกว่าครับหากใครก็ตามที่เป็นคอกาแฟในบ้านเราเชื่อว่าเมื่อ 3-4 เดือนก่อนคงจะพอทราบข่าวเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแบรนด์ของงร้านกาแฟชั่วคราวจาก "กาแฟมงคล" มาเป็น "O's Coffee" โดยคุณโอปอล์ ปาณิสรา ผู้ก่อตั้งมาโพสต์แจ้งข่าวทั้งใน facebook และ instagram ด้วยตัวเองดังที่เห็นในภาพด้านบนนี้ ซึ่งถ้าจะถามผมในเรื่องนี้ผมเองคงไม่มีความคิดเห็นอะไรเพระาเนื่องจากว่าทางคุณโอปอล์เองก็แจ้งให้ทราบค่อนข้างชัดเจนออยู่แล้วดังนั้นคงเป็นเรื่องของตัวบทกฏหมายที่ทั้งสองฝ่ายคงต้องดำเนินการต่อไป อีกทั้งผมเองก็เป็นแฟนที่เคยติดตามทานกาแฟมงคลตั้งแต่สมัยเมื่ออยูบริเวณใกล้ๆ หน้าถนนจนกระทั่งย้ายไปอยู่ด้านใน (ติดตามได้จากรีวิว Cupping Street : มงคลทางรสชาติกับกาแฟมงคล ) ซึ่งร้านกาแฟมงคลนั้นถือเป็นร้านกาแฟร้านแรกที่ทาง Blog เรารีวิวดังนั้นเมื่อเขาเปลี่ยนใหม่เป็น O's Coffee ในฐานะแฟนพันธุ์แท้จึงไม่พลาดไปเยี่ยมชม โดยสาขาที่ไปในวันนี้ก็คือสาขา Union Mall ชั้น 4 เพราะเนื่องจากว่าขึ้นชื่อในเรื่องของขนาดพื้นที่นั่นเองครับ


       แทบไม่น่าเชื่อครับว่าแม้ว่าตัวร้านจะกว้างขวางแต่ก็มีการออกแบบกันได้อย่างลงตัว มีการใช้โทนสีที่เหมาะกับการเป็นร้านกาแฟแบบสบายๆ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีผมเองคิดว่าจะมีลูกค้าเต็มร้านหรือแต่สักพักคำตอบของคำถามผมก็มาถึงที่ครับเพราะมีคนมาเยี่ยมเยียนซื้อกาแฟกันอย่างต่อเนื่องจนทำให้ในที่สุดร้านที่ดูกว้างเริ่มเล็กลงไปถนัดตา



       มาถึงเรื่องของเครนต์เตอร์สั่งเครื่องดื่มและเมนูกันบ้างต้องบอกเลยครับว่าร้าน O's Coffee นั้นเขามีเครื่องดื่มมากมายให้ได้เลือกรับประทานกันแถมยังมีเครื่องดื่มใหม่ๆ ประจำเทศกาลและช่วงต่างๆ ให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย ส่วนสนนราคานั้นก็ไม่ต้องกลัวว่าร้านใหญ่แล้วราคาจะแพงครับเพราะราคาก็อยู่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดก็คือการทำกาแฟแบบ Made By Order คือจะหวานมาก หวานน้อย หวานแค่ไหน มันอย่างไร บอกกับน้องๆ Barista ได้เขาทำให้เราได้หมดซึ่งนี่ถือว่าเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของร้านกาแฟที่เอาใจใส่ลูกค้าครับ


       เมื่อมาถึงร้าน O's Coffee ก็ต้องสั่งกาแฟ O's Coffee มาลิ้มลองเพะาเนื่องจากว่ากาแฟชนิดนี้ถือเป็น signature ของทางร้าน โดยทางผมสั่งไปว่าหวานน้อยทางพนักงานเองก็ลดหวานให้ตามต้องการซึ่งเมื่อรับประทานแล้วต้องบอกว่าเป็นรสชาติที่ถูกปากจริงๆ ครับเพราะมีกลิ่นกาแฟ มีรสชาติกาแฟ แถมออกมันหน่อยๆ ซึ่งคาดว่าหากสั่งรสชาติแบบปกติน่าจะมีความหวานอยู่ในระดับที่พอดี ส่วนอีกอย่างหนึ่งที่ชอบเป็นพิเศษคือหากรับประทานในร้านก็จะเป็นแก้วแบบที่โชว์นี้และทางร้านเขามีกฏอยู่ข้อหนึ่งที่ควรรู้ไว้คือก่อนที่จะสั่งต้องพิจารณาให้ดีก่อนเพราะหากสั่งทานในร้านแล้วทานไม่หมดจะขอให้ไปใส่แก้วแบบ take home กลับบ้านไม่ได้ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติที่ร้านกาแฟทั่วไปทำกันอยู่แล้วนั่นเองครับ


        ท้ายที่สุดนี้ก็คงไม่มีอะไรมากครับเพราะหลังจากที่ได้ดื่มด่ำกับกาแฟและบรรยากาศในร้านแล้วบอกได้คำเดียวครับว่าเป็นร้านกาแฟอีกร้านหนึ่งที่น่านั่ง เป็นร้านกาแฟที่เหมาะแก่การพักผ่อน คลายเครียด อย่างแท้จริง ซึ่งใครอยากรู้ว่าร้าน O's Coffee เขาดีจริงไหม ก็คงต้องไปทดสอบกันเอาเองครับที่ร้าน O's Coffee ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้า Union Mall โซนอาหาร แต่สำหรับตัวผมแล้วนั้นบอกได้คำเดียวเลยว่า "อร่อย" และไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอีกสักกี่ชื่อผมก็ยังคงตามไปชิมอย่างแน่นอน เพราะกาแฟที่ดีนั้นไม่ได้อยูที่ "ชื่อ" อะไรหากแต่อยู่ที่ว่าเป็น "ของใคร" และ "มืออาชีพ" แค่ไหนต่างหากครับ



                                                                                                                        กาลาโต้

        ปล.สำหรับใครที่เล่น instagram สามารถติดตามเราเพิ่มเติมได้นะครับที่ @coffeenity หรือจะติดตามเราผ่านทางเฟสบุค www.facebook.com/kafeme หรือทาง Twitter : @9galato ก็ได้ครับส่วนช่อง Kafeme TV ของเราใน Youtube ตอนนี้ก็พยายามอัพเรื่อยๆ ครับ



วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557 | By: กาลาโต้

Blend Storming : ตามกระแส กาแฟเจ


       สวัสดีเพื่อนๆ คนรักกาแฟทุกท่านและแล้วเทศกาลกินจประจำปี 2557 ก็เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการซึ่งในปีนี้ต้องเรียกว่าพิเศษกว่าปีอื่นๆ ครับเพราะเนื่องจากว่ามีการกินเจกัน 2 รอบด้วยกันโดยรอบแรกนั้นตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2557 ถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2557 และในรอบที่ 2 คือวันที่ 24 ตุลาคม 2557 ถึงวัน 1 พฤศจิกายน 2557 ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ว่ากันว่าเป็นการนับตามปฏิทินจีนที่ปีนี้มีเดือน 9 สองหนที่ 132 ปีจึงจะเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่งซึ่งผมเชื่อว่าหลายคนคงจะได้รับหรืออ่านข้อมูลเหล่านี้กันบ้างแล้วดังนั้นจึงขอข้ามไปครับ

        สำหรับวงการกาแฟในบ้านเราปีนี้ก็เหมือนดังเช่นทุกๆ ปีครับที่บรรดาร้านกาแฟต่างๆ ล้วนแล้วแต่หันมาให้บริการกาแฟเจเป็นทิวแถว ซึ่งเจ้ากาแฟเจส่วนใหญ่มีให้เลือกด้วยกันอยู่ 2 แบบครับคือแบบที่เป็นกาแฟดำเพียวๆ แบบอเมริกาโนหรือ Black Coffee ที่ไม่ใส่อะไรนอกจากน้ำตาลกับกาแฟสดแบบที่ขายทั่วๆ ไปแต่เปลี่ยนวัตถุดิบบางอย่างจากนมสดมาเป็นนถั่วเหลืองแทนนั่นเองครับ

  

       สำหรับผมแล้วในทุกๆ ปีของเทศกาลกินเจผมเองเลือกเจ้า Black Coffee อย่างไม่ลังเลครับเพราะเนื่องจากว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสลิ้มลองกาแฟที่ใส่นมถั่วเหลืองแทนนมสดซึ่งผมคิดว่ารสชาติมันค่อนข้างแตกต่างจากทั่วไปนิดหน่อยดังนั้นจึงหันกลับมากิน Black Coffee ดีกว่าครับ สบายใจดีเพราะเป็นของที่ค่อนข้างคุ้นเคยอยู่ แต่จากการสอบถามเพื่อนๆ หลายคนเขาก็บอกนะครับว่ากาแฟเจที่ใส่นมถั่วเหลืองนั้นรสชาติโอเคอยู่ซึ่งก็ต้องแล้วแต่คนชอบครับ

       ส่วนใครที่กังวลเรื่องราคาของกาแฟเจจะสูงกว่าราคากาแฟสดปกตินั้นก็ไม่ต้องกังวลใจไปครับเพราะจากการที่ลงพื้นที่สำรวจด้วยตัวเองพบว่าราคาของกาแฟสดปกติกับกาแฟเจนั้นราคาเท่าๆ กันครับ ดังนั้นจึงหากินได้อย่างสบายใจและสบายกระเป๋าอย่างแน่นอน

       ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการกินเจครับ


                                                                                                   กาลาโต้
วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557 | By: กาลาโต้

Blend Storming : FamiCafe ศึกชนช้างกาแฟสดใน Convenience Store



                      หลังจากที่ปล่อยให้ Convenience Store เจ้าใหญ่อย่าง 7-11 ครองตลาดกาแฟสดในร้านสะดวกซื้อภายใต้ชื่อ kudsan อยู่นานในที่สุดร้านค้าคู่แข่งที่ยักษ์ใหญ่ไม่แพ้กันอย่าง Family Mart ภายใต้การนำทัพของเจ้าของรายใหม่อย่างเครือ CRC ก็ได้ปล่อย FamiCafe ขึ้นมาต่อกรบ้างด้วยการปล่อยหมัดเด็ดโชว์จุดขายคือการได้พันธมิตรแบบซี้ย่ำปึ้กผู้เชี่ยวชาญในด้านกาแฟสดระดับสากลอย่าง Segafredo มาเสริมทัพดังนั้นจึงถือเป็นการประกาศศึกกาแฟสดในสมรภูมิ Convenience Store อย่างเต็มตัว



ถึงแม้ว่าเมื่อมองดูเผินๆ การต่อสู้ในครั้งนี้ทาง Family Mart อาจจะดูได้เปรียบกว่า 7-11 ก็ตามทีเพราะได้เมล็ดกาแฟบวกกับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟระดับโลกมาเป็นตัว support แต่นั่นก็ไม่อาจเป็นเครื่องมือวัดถึงความสำเร็จในตลาดนี้ได้เพราะในเรื่องของประสบการณ์ในการทำร้านกาแฟสดในร้านสะดวกซื้อนั้นทาง 7-11 เขามีมากกว่า!


จากการที่ได้เข้าไปสัมผัสและใช้บริการทั้งร้านกาแฟ Kudsan และ FamiCafe ที่เพิ่งเปิดใหม่แบบหมาดๆ ทำให้พอมองเห็นถึงความแตกต่างและสามารถบอกได้ชัดเจนเลยว่าประสบการณ์นั้นเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และสำคัญจริงๆ


จริงอยู่ครับที่ว่าเมล็ดกาแฟของ FamiCafe นั้นใช้เมล็ดกาแฟเกรดดีระดับพรีเมี่ยมแบบที่ขายกันตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำซึ่งทำให้ได้กาแฟที่ดีและมีคุณภาพแต่มันจะมีประโยชน์สักเพียงใดหาก Barista ที่ชงนั้นไม่มีฝีมือและประสบการณ์ในการชงเพราะคนที่ชงกาแฟใน FamiCafe นั้นก็คือพนักงานของ Family Mart นั่นเองหากใช่ Barista ของ Segafredo ไม่ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับทาง Kudsan แล้วนั้นฝ่ายนี้เขามีการอบรมด้านการชงกาแฟสดโดยเฉพาะดังนั้นถ้าเทียบกันหมัดต่อหมัดในเรื่องนี้แล้วทาง Kudsan ได้คะแนนนำไปอย่างเต็มๆ


อีกอย่างหนึ่งที่ถือว่ายังคงเป็นข้อด้อยของ FamiCafe ก็คือในเรื่องของเมนูเครื่องดื่มในขณะที่ Kudsan เองนั้นมีเมนูเฉพาะกาแฟทั้งร้อนและเย็นให้เลือกไม่น้อยกว่า 10 ชนิดแต่ FamiCafe นั้นมีเพียงแค่ 6 ชนิดนั่นก็คือ อเมริกาโน (Americano) ร้อน/เย็น, คาปูชิโน (Capunccio) ร้อน/เย็น และลาเต้ (Latte) ร้อน/เย็นเท่านั้นเพราะเนื่องจากเครื่องทำกาแฟสดเป็นแบบเครื่องกึ่งอัตโนมัติที่มีการผสมสัดส่วนไว้ให้พร้อมพนักงานมีเพียงแค่หน้าที่กดปุ่มสั่งงานเท่านั้นและนี่เองก็อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รสชาติของกาแฟสด FamiCafe ไม่ค่อยถึงใจเท่า Kudsan

แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ามองโดยรวมแล้วทาง FamiCafe อาจจะมีข้อเสียเปรียบอยู่บ้างแต่นั่นก็ไมได้หมายความว่าจะไม่สามารถเป็นผู้กำชัยในตลาดนี้ได้เพราะต้องถือว่า FamiCafe ยังคงเป็นมือใหม่ในวงการนี้อยู่แค่เพียงกล้าที่จะกระโดดเข้ามางัดข้อกับขาใหญ่ได้นี่ก็ต้องถือว่าสุดยอดแล้วครับ ส่วนจะเป็นอย่างไรและจะเดินทางไปในทิศทางไหนเราคงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด ขอเพียงอย่างเดียวคือพยายามใช้จุดเด่นที่มีอยู่ในมือให้เป็นประโยชน์มากที่สุดเพราะเมล็ดกาแฟที่ดีจะมีค่าอะไรครับหากเราไม่สามารถกลั่นกรองรสชาติให้ออกมาให้ดีสมกับเมล็ดกาแฟนั้นได้ไม่ช้าคงจะเข้าทำนอง "ไก่ได้พลอย" นั่นเองครับ

                                                                                                                        กาลาโต้


                 
                

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557 | By: กาลาโต้

Outside World : Coffee Passport กิจกรรมดีๆ ของคอกาแฟที่ไม่ควรพลาด



       หากใครก็ตามที่ติดตามเรื่องราวที่ผมเขียนมาโดยตลอดคงมักจะเคยเห้นผมกล่าวถึงเรื่อง "กาแฟ" กับ "การเดินทาง" อยู่บ่อยๆ ว่ามีส่วนที่เหมือนกันอยู่คือหากเราเข้ามาสู่โลกของกาแฟแล้วเราก็มักจะกลายเป็นนักเดินทางท่องเที่ยวไปโดยปริยายเพราะเรามักจะเดินและตระเวนหาร้านกาแฟต่างๆ เพื่อเสพสนองความต้องการอยู่เสมอๆ นี่แหละครับเป็นสาเหตุที่ผมว่ากาแฟกับการเดินทางนั้นมีจุดร่วมที่เหมือนกัน

        ผมเชื่อว่าคงไม่มีคอกาแฟคนใดที่นั่งทานกาแฟอยู่ร้านใดร้านหนึ่งอย่างเดียวตลอดทั้งชีวิตเป็นแน่แท้ ความสุขอย่างหนึ่งของคอกาแฟก็คือการได้ออกไปลิ้มรสกาแฟใหม่ ณ สถานที่ใหม่ๆ การเก็บเกี่ยวรสชาติกาแฟไปพร้อมๆ กับบรรยากาศในร้านนั่นแหละครับคือความสุขที่สุดของคนรักกาแฟ

       หลายครั้งเลยทีเดียวที่เราถ่ายรูปบบรยากาศร้านเพื่อเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำ ถ่ายรูปถ้วยกาแฟแล้วอัพสถานะขึ้น Social Network ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter หรือแม้แต่กระทั่ง Instagram เพื่อบอกให้โลกได้รู้ว่า "ร้านนี้น่ะฉันเคยมาลองแล้วนะ" นั่นก็คืออีกหนึ่งกิจวัตรสำหรับคนรักกาแฟและในวันนี้ผมเองก็มีอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่คนรักกาแฟทุกคนไม่ควรพลาดรวมถึงตัวผมเองด้วยนั่นก็คือ "Coffee Passport" นั่นเองครับ

       

       Coffee Passport เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่ทางนิตยสารกาแฟอย่าง Coffee Traveler จัดขึ้นมาในวาระที่นิตยสารของเขามีอายุครบ 2 ปีและกำลังจะก้าวขึ้นสู่ปีที่ 3 ด้วยแนวคิดที่ว่าในเมื่อคนส่วนใหญ่ที่ชอบทานกาแฟก็มักจะเดินทางเพื่อไปหาร้านกาแฟอร่อยๆ ทานอยู่แล้วดังนั้นทำไมเราจึงไม่คัดเลือกร้านดีๆ เพื่อให้คนรักกาแฟเหล่านี้ไปลิ้มรสกันล่ะ จึงได้มีการคัดเลือกร้านกาแฟจากทั่วประเทศจำนวน 12 ร้านขึ้นมาเพื่อแนะนำให้คนรักกาแฟทุกคนได้มีโอกาสไปลิ้มลองกันและเพื่อให้เหมาะสมกับการเป็น Coffee Traveler จึงได้มีการทำ Passport สำหรับคนรักกาแฟขึ้นมาโดยเมื่อเราไปใช้บริการยังร้านกาแฟทั้ง 12 ร้านนั้นเราก็จะปั๊มตราร้านลงใน Coffee Passport ซึ่งเมื่อประทับตราครบทั้ง 12 ร้านแล้วก็สามารถนำไปแลกของรางวัลได้ซึ่งมีตั้งแต่ครื่องชงกาแฟ Gift Voucher เมล็ดกาแฟคุณภาพ คอร์สเรียนชงกาแฟ ห้องพักรีสอร์ทหรู และก็ Temper สวยๆ รวมถึงของรางวัลอื่นๆ อีกมาก ซึ่งหากเราไม่ต้องการแลกก็สามารถเก็บ Passport ตัวนี้เอาไว้เป็นที่ระลึกก็ได้ครับ

       จุดเด่นอีกประการหนึ่งที่ทำให้ผมชอบเจ้า Coffee Passยort เล่มนี้ก็คือเขามีการจำลองให้เหมือนกับ Passport จริงๆ ด้วยการมีการติดรูปถ่ายพร้อมชื่อ นามสกุลของเรา ไว้ในเล่ม เพื่อให้รู้ว่าเราเป็นเจ้าของตัวจริงอีกด้วยครับ

       มาถึงตอนนี้แล้วเชื่อว่าหลายคนคงอยากจะรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะได้เจ้า Coffee Passport นี้มาครอบครองและมีค่าใช้จ่ายในการจัดทำอย่างไร ซึ่งตรงนี้บอกเลยครับว่า "ฟรี" ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นเพียงแค่เข้าไปใน facebook ของ Coffeetraveler magazine แล้วอินบ็อกซ์ส่งรูปถ่ายของเรา แจ้งชื่อที่อยู่เพื่อให้ส่ง Passport กลับมาแค่นี้ก็รอรับอยู่ที่บ้านได้เลยครับ

       ใครที่สนใจก็สามารถขอทำ Coffee Passport ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปครับซึ่งผมเองก็ทำเรียบร้อยแล้ว ไม่แน่ครับว่าด้วย Coffee Passport นี้อาจทำให้เราได้มีโอกาสเจอกันที่ร้านใดร้านหนึ่งก็เป็นได้


                                                                                                          กาลาโต้
วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557 | By: กาลาโต้

Kafeme TV : ทางเลือกใหม่ของคนรักกาแฟ




       สวัสดีคนรักกาแฟทุกท่านครับ หากท่่านใดที่ติดตาม blog "เรื่องของคนรักกาแฟ" ของเรามาโดยตลอดคงพอจะทราบความเปลี่ยนแปลงของ blog เราที่พยายามสรรหาสิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ ให้กับทุกท่านที่รักกาแฟได้รับทราบกันไม่ว่าจะเป็นข่าวสารต่างๆ ในวงการกาแฟที่มีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง, เฟสบุคแฟนเพจ "เรื่องของคนรักกาแฟ" ที่นำเสนอทุกเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างแม่นยำฉับไวในวงการ social media และล่าสุดอีกขั้นหนึ่งของ blog เราที่ต้องการให้คนรักกาแฟทุกท่านได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์กันนั่นก็คือ "Kafeme TV"



       ผมเชื่อเหลือเกินครับว่าบางครั้งคนรักกาแฟอย่างเราๆ ท่านก็อยากจะดูรายการที่เกี่ยวข้องกับกาแฟบ้างไม่ว่าจะเป็นรายการเกมส์โชว์ รายการ Reality Show รายการสารคดีหรือแม้แต่เรื่องราวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ แต่ด้วยว่าบางคนอาจจะติดที่ว่าไม่รู้จะไปดูที่ไหน Channel ไหน ซึ่งต้องยอมรับครับว่าในบ้านเรา Channel ที่รวบรวมเฉพาะรายการกาแฟไว้มีน้อยถึงน้อยมากหรือบางคนที่บ้านอาจจะไม่ได้ติด Cable TV จึงทำให้ไม่มีโอกาสได้รับชม ดังนั้น Kafeme TV จึงถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าวของคนรักกาแฟทุกท่าน


       ใน Channel ของ Kafeme TV นั้นจะเป็นการนำเสนอเรื่องราวรายการต่างๆ ที่น่าสนใจในแวดวงกาแฟทั้งในและต่างประเทศให้คอกาแฟได้รับทราบซึ่งคลิปหรือรายการบางรายการที่นำมาลงนั้นเป็นรายการที่หาดูได้ยากหรือไม่มีให้ดูในช่องทางต่างๆ แล้วดังนั้นจึงหวังเป็นอย่างยิ่งครับว่า Kafeme TV จะเป็นอีกช่องหนึ่งสำหรับคนรักกาแฟทุกท่าน



       เมื่อพูดมาถึงตอนนี้แล้วหากใครต้องการที่จะรับชมรายการต่างๆ ในช่อง Kafeme TV บน Youtube ก็สามารถติดตามได้ "ที่นี่" ครับ และหากใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้กาแฟก็อย่าลืมกดติดตามหรือ Subscription ช่องของเราไว้เพื่อที่จะได้ไม่พลาดทุกข่าวสารของเราในอนาคตเพราะในอนาคตอันใกล้นี้ทางเราจะมีการผลิตรายการของเราออกมาเองและนำเสนอในเฉพาะ channel ของเราเท่านั้นอีกด้วยครับ

       สำหรับการติดตาม subscribe ช่องนั้นก็สามารถเข้าไปทำได้ใน Channel เลยหรือไม่ก็กดปุ่มในช่อง "ติดตามเราใน Kafeme TV" ทางด้านขวามือของ blog ได้เลยครับเพียงแค่นี้คุณก็จะเป็นสมาชิกช่อง Kafeme TV แล้ว (ขอบอกครับว่าในอนาคตอาจจะมีคลิปรายการกาแฟหรือรายการกาแฟเฉพาะเจาะจงหายากที่จำกัดให้ดูได้เฉพาะสมาชิกช่องเท่านั้น ดังนั้นสมัครติดตามช่องไว้ไม่เสียหายอย่างแน่นอน)

       วันนี้เราพร้อมแล้วสำหรับ "Kafeme TV" ครับ!

                                                                                                                     กาลาโต้
วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 | By: กาลาโต้

Eineterview : หมอดู 24 ชั่วโมง



       สวัสดีคนรักกาแฟทุกท่านครับ ขอต้อนรับทุกท่านสู่ Section ใหม่ของเรา Eineterview (เป็นคำผสมระหว่าง Caffeine และ Interview นั่นเองครับ) ซึ่งในส่วนๆ นี้จะเป็นการสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ ที่เป็นที่น่าสนใจทั้งในวงการกาแฟและไม่ใช่ในวงการกาแฟมาให้เพื่อนๆ คนรักกาแฟทุกคนได้อ่านกันโดยประเดิมเริ่มแรกในครั้งนี้ผมขอนำเสนอ "หมอดู 24 ชั่วโมง" ที่เริ่มมีการพูดถึงกันในโลกอินเตอร์เน็ตมาเป็นแขกรับเชิญคนแรกครับ

       จำได้ว่าผมได้พบกับอาจารย์ท่านนี้ครั้งแรกตอนไป McDonald's สาขาอาคาร CP กำลังนั่งดูดวงให้ลูกค้าอยู่และเห็นอีกหลายครั้งด้วยกันตามที่ต่างๆ ทั้งร้านฟาสต์ฟู้ด ร้านกาแฟ ด้วยความที่น่่าสนใจจึงได้ติดตามเป็นลูกเพจของอาจารย์และในที่สุดก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์จนเป็นที่มาของบทความนี้ครับ จะเป็นหมอดูแบบไหน แล้วทำไมต้อง 24 ชั่วโมงไปชมพร้อมกันครับ


Galato : สวัสดีครับอาจารย์อภินันท์ ได้ข่าวว่าเป็นหมอดู

อ.อภินันท์ : สวัสดีครับ (ยิ้ม) ครับผมตอนนี้ประกอบอาชีพรับทำนายดวงชะตาอยู่ครับ

Galato : ลูกค้าเยอะไหมครับ

อ.อภินันท์ : ก็มีเรื่อยๆ ครับ ตามอัตภาพ

Galato : แล้วดูดวงแบบไหนอยู่ครับ เห็นมีไพ่ตั้งอยู่ ไพ่ยิปซีหรือไพ่ป๊อกครับ

อ.อภินันท์ : อ๋อ ไพ่ที่ผมใช้ทำนายดวงชะตาเรียกว่าไพ่พรหมญาณครับ เป็นศาสตร์การทำนายอย่างหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของแม่นยำอีกทั้งยังเป็นไพ่ที่คนไทยคิดขึ้นมาอีกด้วยครับ



Galato :  แล้วการดูดวงของอาจารย์ดูอย่างไรครับ ช่วยอธิบายหน่อย

อ.อภินันท์ : หากเป็นการดูด้วยไพ่พรหมญาณจะดู 2 รอบโดยรอบแรกจะให้ผู้ดูจับไพ่ 12 ใบเพื่อดูเรื่องราวรวมๆ จากนั้นจะให้ผู้ดูถามคำถามได้ 8 คำถาม แต่ถ้าดูดวงแบบไพ่เทพก็จะจะใช้ไพ่เทพ 12 ใบทำนายเลย

Galato : แล้วแบบไหนแม่นกว่ากัน

อ.อภินันท์ : (หัวเราะ) ก็แล้วแต่ครับเพราะผมเองก็อ่านไปตามหน้าไพ่แม่นหรือไม่แม่นผู้ดูเป็นคนตัดสิน

Galato : จำได้ว่าเคยเห็นอาจารย์ตามร้านแมคโดนัลด์บ้าง ร้านกาแฟบ้าง ไปทำอะไรที่นั่น

อ.อภินันท์ : ก็ไปดูดวง ตรวจชะตาให้กับผู้ที่อยากดูดวงนั่นแหละครับ บางคนจะมาดูที่ๆ เราดูอยู่ประจำก็อาจจะไกลบ้าง ไม่สะดวกบ้าง ก็เลยอำนวยความสะดวกให้เขาทีนี้มาเยอะเลยครับร้านอาหาร ร้านฟาสต์ฟู้ด ในวัดก็เคยมี (หัวเราะ) คือเขาบอกว่าวันนี้จะไปทำบุญให้ญาติที่วัดอยากให้แวะไปดูให้หน่อย


Galato : แล้วอาจารย์ก็ไป?

อ.อภินันท์ : ใช่ครับถ้าไม่ไกลมากเราก็ไปแต่ถ้าไกลจริงๆ ลูกค้าก็จะส่งค่ารถมาให้ด้วยเพราะเห็นเราเดินทางเหนื่อย เกรงใจ แต่ถ้าไม่ติดอะไรจริงๆ เราก็ไปหมดครับเพราะเรารู้ดีว่าคนเราพอเวลามีเรื่องไม่สบายใจก็อย่ากให้มันรู้เรื่อง รู้ราวจบๆ ไป ดังนั้นจึงไม่พยายามปฏิเสธหากไม่จำเป็นเพราะใจเขาใจเราครับ

Galato : แล้วฉายาหมอดู 24 ชั่วโมงคืออะไรครับ?

อ.อภินันท์ : (หัวเราะ) อ๋อ เรื่องของเรื่องก็คือว่าลูกค้าบางคนนั้นไม่สะดวกมาดูดวงด้วยตัวเองเพราะงานยุ่งบ้าง อยู่ไกลบ้าง บางคนก็เลิกเงินดึกบางทีตี 2 ตี 3 แต่อย่ากดูดวงเช็คชะตา ทีนี้พอคุยกันใน line และรู้ว่าเราสามารถดูผ่านทางโทรศัพท์ได้ก็เลยโทรมา ทีนี้บ้างครั้งไม่ได้โทรมาเวลาปกติเพราะเขาเลิกงานดึก บางคนโทรมาตี 1 บางคนตี 2 ดึกสุดตี 4 ก็มี พรรรคพวกและลุกศิษย์เลยตั้งฉายาให้ว่าหมอดู 7-11 หรือหมอดู 24 ชั่วโมง (ยิ้ม)

Galato : ดูผ่านโทรศัพท์ได้ด้วยหรือครับ?

อ.อภินันท์ : ครับเป็นการดูแบบสื่อจิตเพระาเราต้องใช้พลังมากกว่าเดิม ขอบารมีแรงครูช่วยให้การดูผ่านทางโทรศัพท์ประสบผลสำเร็จซึ่งก็ได้ผลนะหลายคนที่เคยดูแล้วก็กลับมาดูอีก บางคนก็พาเพื่อนมา

Galato :  โอ้โห แบบนี้อาจารย์คงรวยน่าดูเลยนะครับ

อ.อภินันท์ : (หัวเราะ) ไม่หรอกครับทุกวันนี้ยังบ้านต้องเช่า ข้าวต้องซื้ออยู่เลย ดูดวงแต่ละครั้งก็ไม่ได้แพงอย่างใครเขาแค่ 300 บาทเท่านั้นเอง เชื่อไหมครับแทบไม่เหลือ เพราะพอได้มาวันรุ่งขึ้นก็เงินในส่วนนี้แหละครับที่เราต้องนำไปทำบุญให้กับผู้ที่มาดูเพราะเป็นการทำบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรเขาที่เปิดทางให้เราดู และการทำบุญของเรานั้นแค่ทำบุญไม่พอครับยังต้องทำสังฆทานเพื่อแก้เคล็ดให้กับผู้ที่มาดูอย่างเช่นหากเขามีปัญหาเรื่องความรักเราก็ต้องทำสังฆทานและต้องมีน้ำตาลใส่ไปด้วยเพื่อช่วยแก้เรื่องความรัก หากเขามีปัญหาสุบภาพก็ต้องซื้อยารักษาโรคไปทำบุญ แล้วก็รู้ๆ กันว่าของสมัยนี้ราคาไม่ใช่บาทสองบาท สังฆทานชุดหนึ่งเป็นร้อยก็ใช้เงินตรงนี้แหละครับไหนจะค่ารถค่ารา พอหักนู่นหักนี่แล้วเหลือ 50 บาทก็มีแต่เราก็ภูมิใจเพราะได้ใช้วิชาเพื่อช่วยเหลือคนจริงๆ


       ใจจริงเราอยากจะคุยกับอาจารย์อภินันท์มากกว่านี้แต่เหลือบไปเห็นมีคนนั่งรอดูดวงอยู่่จึงจำต้องขอลา ดังนั้นหากใครที่อยากรู้จักอาจารย์อภินันท์เจ้าของฉายาหมอดู 24 ชั่วโมงที่ดูดวงด้วยไพ่พรหมญาณผสานจิตสัมผัสสามารถติดตามได้ที่แฟนเพจ "อภิพรหมญาณ" หรือแอดไลน์ ninintaree ไปก็ได้ครับอาจารย์ยินดีให้คำปรึกษาทุกท่าน หรือลองเข้าไปติดตามบล็อค "อภิพรหมญาณ" ครับตอนนี้อาจารย์จะพยายามอัพเดทเนื้อหาที่น่าสนใจอยู่บ่อยๆ ครับ


                                                                                                                กาลาโต้
วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 | By: กาลาโต้

Blend Storming : งานเข้า Mezzo Coffee! เพราะระบบไม่ดีหรือว่าเป็นที่พนักงาน



       สวัสดีคนรักกาแฟทุกท่านครับ หากยังพอจำกันได้มีหลายครั้งเลยทีเดียวที่ผมได้กล่าวถึงร้านกาแฟกับการให้บริการว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญมากที่สุดในธุรกิจนี้จนถึงขนาดกล้าที่จะกล่าวว่าร้านกาแฟจะรวยหรือจะเจ๊งก็อยู่ที่พนักงานและการบริการนั่นแหละครับ ดังนั้นร้านกาแฟส่วนใหญ่ที่มีมาตรฐานจึงมักมีการอบรมพนักงานก่อนการปฏิบัติงานจึงเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดแต่ถึงอย่างไรก็ตาทีมันก็อาจจะมีบ้างที่หลุดรอดสายตาออกมาแต่มันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาถ้าหากไม่มีคนร้องเรียนแต่สำหรับกรณีที่ผมจะพูดถึงต่อไปนี้ต้องเรียกได้ว่า "งานงอก" ของจริงครับเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันดันไปกระจายอยู่บนสื่อสังคมชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่อย่าง pantip เข้าเรื่องที่ว่าเล็กจึงกลายเป็นไฟลุกโดยปริยาย


       สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากการที่ลูกค้าคนหนึ่ง (ซึ่งเป็นสมาขิกเว็บ pantip) ได้ไปใช้บริการร้านกาแฟ Mezzo Coffee สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะโดยได้ใช้โปรโมชั่นที่ร้านร่วมกับ The 1 Card โดยใช้แต้ม 500 แต้มแลกกาแฟได้ 1 แก้ว ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็ได้ใช้สิทธิ์ที่ควรได้ในตอนนั้นแต่กลับกลายเป็นว่าพนักงานทั้งร้านไม่สนใจ ไม่ใส่ใจราวกับว่าเป็นของฟรีไม่ได้เงินรวมไปถึงยังมีเหตุการณ์ที่บังคับให้เจ้าของกระทู้ต้องกดแลกคะแนนใหม่อีกรอบอีกด้วยดังนั้นจึงได้กลายมาเป๋นประเด็น talk of the town ใน pantip จนถึงขนาดเป็นกระทู้แนะนำเลยทีเดียวเชียวครับ



       ประเด็นในเรื่องนี้มีความน่าสนใจอยู่อย่างหนึ่งซึ่งก็คือถึงแม้ว่าในเรื่องของการบริการของพนักงานที่สมาชิกอีกหลายๆ คนกล่าวตรงกันว่าไม่ค่อยมี service mind เท่าที่ควรก็ตามทีแต่สิ่งหนึ่งที่มีส่วนทำให้กลายเป็นปัญหา เป็นเรื่องรางขึ้นมาก็คือการกดแลกคะแนนแล้วมีข้อความตอบรับขึ้นมาซึ่งไม่ใช่ sms ซึ่งหากเผลอกดปิดไปก่อนที่พนักงานจะจดเสร็จหรือพนักงานขอดูอีกครั้งเป็นอันจบเห่ครับเพราะข้อความตรงนั้นจะหายไปในทันที ไม่สามารถเรียกกลับมาดูได้อีกครั้ง (ซึ่งในเรื่องนี้ผมเองก็เคยเจอกับตัวตอนไปใช้สิทธิ์ลด 5 บาทที่ร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันเจ้าหนึ่งแต่ดันเผลอคิดว่าพนักงานจดไปแล้วจึงปิดปรากฎว่าพนักงานยังไมไ่ด้จดเลยกดอีกทีคราวนี้ขึ้นว่าใช้สิทธิ์ไปแล้วให้รออีก 15 วันจึงใช้ได้ ทำให้ต้องจ่ายเงินเต็มไปตามระเบียบ) ปัญหาตรงนี้ควรจะแก้อย่างไรเพราะผมเชื่อว่าหลายคนคงต้องเคยประสบปัญหาเช่นนี้อย่างแน่นอน บางคนอาจจะแนะนำว่าให้พนักงานกดเองจะได้ไม่มีปัญหา หรือบางคนบอกว่าใช้วิธีการ Cap หน้าจอไว้เพื่อเป็นหลักฐานซึ่งวิธีหลังนี้ต้องบอกว่าร้านหลายร้านไม่ยอมรับครับหาว่าเป็นการนำสิทธิ์มาใช้ซ้ำ ๆ ดังนั้นหากทางเจ้าของโปรโมชั่นมีวิธีที่รัดกุมมากกว่านี้ก็น่าจะช่วยลดปัญหาเดิมๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ไปได้บ้างไม่มากก็น้อยครับ

       เรื่องดราม่าที่ว่าจะจบลงเช่นไรก็คงต้องติดตามกันต่อไปและหากใครอยากอ่านเรื่องแบบเต็มๆ ก็ตามไปอ่านต่อได้ ที่นี่ ครับ

                                                                                                                     กาลาโต้
วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 | By: กาลาโต้

PR News : ชุ่มฉ่ำรับหน้าฝนกับ 2 เมนูใหม่ที่ The Coffee Bean & Tea Leaf®


       ถึงแม้ว่า The Coffee Bean & Tea Leaf เขาจะมีชื่อเรื่องกาแฟระดับพรีเมียมก็ตามทีแต่เรื่องของชาของเขาก็ไม่เป็นรองใครเลยนะครับ เรียกได้ว่าหากได้ลิ้มลองแล้วจะติดใจ ซึ่งในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเดือนส่งท้ายฤดูร้อน ต้อนรับฤดูฝนที่ชุมฉ่ำนี้ ทาง The Coffee Bean & Tea Leaf เขาก็ได้ออกสุดยอดเครื่องดื่มประจำฤดูขึ้นมา 2 เมนูด้วยกันได้แก่ Sparkling Peach Bellini และ Sparkling Raspberriteani ครับ


              Sparkling Peach Bellini นั้นเป็นเครื่องดื่มชาที่ใส่ไอเดียเก๋ไก๋ตามแบบฉบับของเครื่องดื่มสุดชิค อย่างเบลลินี่ มีความหอมละมุนของชา Apricot Ceylon ที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อพีชเข้มข้น ทำให้ชวนสดชื่นกระฉับกระเฉงปลุกพลังในร่างกาย คลายร้อนได้แบบไม่เหมือนใคร


       ส่วนเจ้า Sparkling Raspberriteani นั้นเป็นเครื่องดื่มอีกตัวที่หยิบเอาความละมุนเคลิบเคลิ้มคลาสสิคในสไตล์มาร์ตินี่มารวมไว้ด้วยกันแต่ได้เพิ่มความหอมหวานซ่อนเปรี้ยวแสนเก๋จากเนื้อราสเบอร์รี่เข้มข้นที่เข้ากันได้ดีกับชา Tropical Passion เข้าไป รับรองได้ว่าอร่อยจนอยากจะสั่งเพิ่ม

       ถึงแม้ว่าผมเองจะเป็นคนที่ไม่ชอบทานชาแบบนี้มากมายสักเท่าไหร่นักก็ตามทีแต่เมื่อได้ลิ้มลองและสัมผัสแล้วต้องบอกว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ทางรสชาติใหม่ๆ ให้กับชีวิตจริงๆ ครับ เอาเป็นว่าหากใครอยากมีประสบการณ์ร่วมเช่นนี้เชิยไปลิ้มลองกันได้ที่ร้าน The Coffee Bean & Tea Leaf  ทุกสาขาทั่วประเทศไทยได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปแต่ต้องรีบกันหน่อยนะครับเพราะเมนูพิเศษนี้มีเพียงแค่ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้เท่านั้น ช้าหมด อดแน่นอนครับ!

                                                                                                 

                                                                                                                 กาลาโต้


       ปล. มีข่าวฝากมาว่าวันที่ 8 พฤษภาคม นี้ The Coffee Bean & Tea Leaf  เขาเปิดสาขาใหม่ที่ Central Embassy ซึ่งสาขานี้จะมีรูปแบบที่แปลกตาไปจากสาขาอื่นๆ ทั่วไป ท่านที่สนใจเชิญไปเยี่ยมเยียนกันได้ครับ



     
วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 | By: กาลาโต้

Blend Storming : มาแล้วจ้า My Starbucks Rewards!!!



       หลังจากที่บรรดาสาวกคอกาแฟ Starbucks ในประเทศไทยได้มีการเรียกร้อง ผลักดัน ให้มีการสะสมแต้ม สะสมดาวเหมือนกับ Starbucks ในต่างประเทศเพื่อสิทธิประโยชน์ต่างๆ สำหรับสมาชิก ในที่สุดฝันที่ดูเหมือนเลือนลางเพราะทาง Starbucks ประเทศไทย ได้เคยออกมาแบ่งรับแบ่งสู้ว่าอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ก็กลายมาเป็นความจริงแล้วเพราะอยู่ๆ ทาง Starbucks ประเทศไทย ก็ได้ออกแคมเปญ "My Starbucks Rewards" เหมือนดังเช่นที่เมืองนอกเขามีทำให้คอกาแฟในประเทศไทยต่างกระดี๊กระด๊า กระชุ่มกระชวยกับสิ่งใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นวงการกาแฟบ้านเรา (รวมทั้งผมด้วย) ดังนั้นในวันนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่าเจ้า "My Starbucks Rewards" ของบ้านเรานั้นมีรายละเอียดอะไร อย่างไรบ้าง


       จากข้อมูลที่ทาง Starbucks (Thailand) ได้นำเสนอรายละเอียดตามสื่อต่างๆ ทั้งในเว็บไซต์ของ Starbucks ประเทศไทยเอง ( http://www.starbuckscard.in.th ) และทาง facebook รวมไปถึงบรรดาแผ่นพับประชาสัมพันธ์ต่างๆ ได้ระบุไว้เอาไว้ว่าผู้ที่จะเข้าร่วมโปรแกรม My Starbucks Reward ได้นั้นต้องเป็นผู้ลงทะเบียนบัตร Starbucks Card ในเว็บไซต์แล้วจึงจะสามารถนำบัตร Starbucks Card ใบนั้นมาสะสมดาวหรือ Star ได้


       สำหรับบัตร Starbucks Card ที่มีการลงทะเบียนแล้วนั้น การใช้จ่ายผ่านบัตรทุกๆ 100 บาท จะได้รับดาว 1 ดวง โดยระดับของ My Starbucks Rewards นั้นจะแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ Welcome Level, Green Level และ Gold Level (ที่ทุกคนใฝ่ฝัน) โดย Welcome Level นั้นเป็นเบสิคที่สุดมีสิทธิพิเศษคือนอกเหนือจากการสะสม "ดาว" ตามปกติแล้ว ภายใน 90 วันนับจากที่มีการใช้บัตรครั้งแรกหากซื้อเครื่องดื่มขนาด tall ครบ 12 แก้วจะได้รับเครื่องดื่มขนาด Tall ฟรีจำนวน 1 แก้วและหากสะสมดาวใน Level นี้ครบ 100 ดวงก็จะได้รับการเลื่อนขั้นให้เข้าสู่ Green Level


       เมื่อเข้าสู่ Green Level สมาชิกของ Starbucks ในระดับนี้จะได้รับสิทธิพิเศษคือได้รับกาแฟฟรีพร้อมขนม 1 ชิ้นในเดือนเกิด, ได้รับสิทธิ์ให้ชิมกาแฟออกใหม่ฟรีก่อนใคร, รับส่วนลดพิเศษ 5% ในโอกาสหรือเทศกาลพิเศษตลอดทั้งปีรวมไปถึงยังได้รับปฏิทินสุดสวยเฉพาะสมาชิก Starbucks ในช่วงสิ้นปีของทุกๆ ปีอีกด้วย และเมื่อสะสมดาว (Star) ต่อไปจนครบ 250 ดวง ซึ่งก็คือใช้จ่ายประมาณ 25,000 บาท ภายในระยะเวลา 12 เดือนก็จะได้รับการปรับระดับให้เป็น Gold Level


       สิทธิพิเศษในระดับ Gold Level นี่แหละครับที่ทุกใฝ่ฝันถึงเพราะเมื่อเราสะสมดาวได้มาจนถึงระดับนี้สิ่งที่เราจะได้รับก็คือบัตร Starbucks Gold ที่พิมพ์ชื่อของเราลงไปในบัตรถือเป็นบัตรเอกสิทธิ์เฉพาะตนจริงๆ นอกจากนี้ยังจะได้รับส่วนลดพิเศษ 10% ในเทศกาลสำคัญๆ ต่างๆ ตลอดทั้งปี, รับของขวัญพิเศษเฉพาะสมาชิกในวันเกิด, และรับสิทธิ์ในการเข้าร่วมงาน กิจกรรมหรือ Party ต่างๆ ที่ทาง Starbucks เขาจัดขึ้นแต่อย่างไรก็ตามสมาชิกที่ในระดับ Gold Level นี้จำเป็นที่จะต้องสะสมดาวให้ครบ 250 ดวงภายในระยะเวลา 12 เดือนนับจากได้เป็น Gold Level เพื่อที่จะรักษาสิทธิประโยชน์ Gold Level ของตนในปีถัดไปครับ


       ทั้งหมดที่ว่ามานี้คือรายละเอียดของโปรแกรม My Starbucks Rewards ในประเทศไทยซึ่งมีหลายคนที่เห็นแคมเปญนี้แล้วก็มีบ่นอยู่บ้างว่าสะสมดาวเยอะไปไหมกว่าจะได้ถึงระดับ Gold Level หรือบางคนก็ว่ากว่าจะได้บัตร Starbucks Gold มาก็ยากอยู่แล้วเหตุใดต้องรักษาสถานภาพปีต่อปี ฯลฯ ซึ่งก็ว่ากันไปครับนานาจิตตังแต่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าหากคนไทยต้องการหรืออยากได้อะไรแล้วคงไม่เกินความพยายามอย่างแน่นอนดังนั้นสิ้นปีนี้ผมจะมาสรุปกันให้ดูครับว่าจะมีคนไทยได้บัตร Starbucks Gold กี่คนจากปัจจุบันที่มีคนถือบัตร Satrbucks Card รูปแบบปกติอยู่กว่า 80,000 ใบ @^_^@


                                                                                                                 กาลาโต้



วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 | By: กาลาโต้

The Bookmark : อารมณ์กาแฟ....



       สวัสดีครับคนรักกาแฟทุกท่าน หากผมจะบอกว่าหนังสือเล่มที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้เป็นหนังสือที่ผมหามานานก็คงจะว่าได้่ไม่ผิดนัก เพราะที่ว่านานนั้นก็คือจำได้ว่าครั้งสุดท้ายก็สมัยตอนเรียนปริญญาตรี จำได้ว่าครั้งนั้นได้เข้าห้องสมุดแล้วได้อ่านนิตยสารแพรวฉบับหนึ่งเปิดไปเจอหน้าที่ "ภาณุ มณีวัฒนกุล" นักเขียนเชิงท่องเที่ยวได้เขียนไว้ในตอนที่เดินทางไปต่างประเทศซึ่งมีประโยคหนึ่งโดนใจมากก็คือ "กาแฟก็เหมือนกับการเดินทางที่เมื่อได้ลิ้มลองจนติดใจแล้วก็ไม่อาจที่จะเลิกราได้" อ่านแค่นั้นก็โดนเลยครับคิดจะหาบทความของนักเขียนท่านนี้มาอ่านแต่ด้วยความเป็นเด็กทำนู่น ทำนี่ก็ลืมๆ ไปแป๊บเดียวผ่านไปนานหลายปีเลยทีเดียว (ฮา ฮา)

       แต่เมื่อตอนต้นปีใหม่ที่ผ่านมามีสมาชิกมิตรรักแฟนเพจเรื่องของคนรักกาแฟ (http://www.facebook.com/kafeme) ท่านหนึ่งได้ส่งหนังสืออารมณ์กาแฟนี้มาให้ซึ่งพอดูหน้าปกกับชื่อคนเขียนแล้วอดีตที่เคยลืมเลือนก็กลับมาจนอดไม่ได้ที่จะต้องมาแชร์เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ให้แฟนานุแฟนคนรักกาแฟทุกท่านได้รับรู้เผื่อชอบใจจะได้มีโอกาสหามาอ่านกันครับกับหนังสือเล่มนี้ "อารมณ์กาแฟ"


       หนังสืออารมณ์กาแฟเล่มนี้เป็นหนังสือผลงานรวมเล่มจากนิตยสารแพรวที่ทาง ภาณุ มณีวัฒนกุล ได้เคยเขียนไว้เมื่อนานหลายปีมาแล้วโดยคัดเอาเรื่องราวการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับกาแฟของเขาที่เคยได้เขียนไว้หลายตอน หลายวาระ มารวมไว้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างลงตัว

       ต้องบอกกันก่อนครับว่าคุณภาณุ มณีวัฒนกุล ท่านนี้เป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจดังนั้นหากใครก็ตามคิดว่าจะได้เห็นบทความประเภทที่ว่าพาแนะนำร้านกาแฟแบบเจาะลึกว่าร้านนั้นมีอะไรดี ร้านนี้มีอะไรอร่้อยก็คงต้องให้ผ่านไปครับเพราะเนื้อหาที่เขาเขียนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวของการเดินทางที่โยงเข้ากับกาแฟทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเปรยกาแฟ การเดินทาง และ หนังสือ ที่มีจุดร่วมกันที่ว่าเมื่อเราอ่านหนังสือจบก็ยัีงมีหนังสือเล่มใหม่ให้อ่าน เมื่อเราดื่มกาแฟแก้วนี้จนหมดก็ยังมีกาแฟแก้วต่อไปให้รอดื่ม การเดินทางก็เช่นกันเมื่อเราเดินทางสิ้นสุดก็ยังมีการเดินทางใหม่ๆ รอดให้เราได้ไปสัมผัส


       โดยส่วนตัวแล้วผมชอบหนังสืออารมณ์กาแฟเล่มนี้ค่อนข้างมากเพราะเนื่องจากว่าเป็นแนวการเขียนที่ไม่ค่อยซ้ำทางกับใครและอีกอย่างหนึ่งคือผมเชื่อว่าคนที่รักกาแฟนั้นส่วนใหญ่ก็มักเป็นคนชอบคิด ชอบเดินทาง รักอิสระกันอยู่แล้ว ดังนั้นการอ่านหนังสือเล่มนี้แกล้มกับกาแฟก็คงเปรียบได้กับการเปิดประตูไปสู่โลกภา่ยนอกให้เราได้รับรู้เรื่องราวใหม่ๆ โดยที่บางเรื่องนั้นเราอาจจะแทบอุทานเมื่ออ่านจบออกมาเลยว่า "มีร้านกาแฟแบบนี้มีด้วยหรือ" หรือไม่ก็  "เออแฮะแปลกดีนะ" เลยทีเดียวเชียวครับ

      แม้จะเป็นเรื่องดีที่ผมได้มีโอกาสอ่านและครอบครองเป็นเจ้าของหนังสืออารมณ์กาแฟเล่มนี้แต่ก็ต้องอาจจะบอกว่าเป็นเรื่องค่อนข้างที่จะโหดร้ายสำหรับคนที่กำลังคิดอยากจะอ่านหนังสือเล่มนี้สักหน่อยเพราะเนื่องจากว่าเล่มที่ผมได้มานั้นเป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 4 ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2548 และในปัจจุบันก็ทราบว่าไม่น่าจะมีการตีพิมพ์อีกแล้วซึ่งก็คงต้องใช้วิทยายุทธหาเอาสักหน่อยอาจจะตามร้านขายหนังสือเก่า ร้านขายหนังสือมืองสองที่ยังคงพอมีให้เห็นได้บ้าง ส่วนผมเองล่าสุดก็ยังพอเห็นแหล่งอยู่บ้างไว้เจรจาได้ราคาไม่แพงเท่าไหร่อาจจะซื้อมาเป็นของรางวัลร่วมสนุกให้กับคนรักกาแฟทุกท่านนะครับ

       แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ก็คงต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการเดินหากันเองก่อนนะครับ อย่าไปคิดอะไรมากเพราะกาแฟก็เหมือนกับการเดินทางนั่นแหละครับที่เมื่อติดใจแล้วก็ไม่คิดที่จะเลิกรา.....สวัสดีครับ


                                                                                                                   กาลาโต้





วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 | By: กาลาโต้

Outside World : Have You AJOed Today?



       สวัสดีพี่ๆ เพื่อนๆ คนรักกาแฟทุกท่านครับ วันนี้ผมมีบทความน่าสนใจดีๆ ที่แม้ไม่เกี่ยวข้องกับกาแฟโดยตรงก็ตามแต่ก็ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ที่กำลังเป็นที่ระบาดมากในต่างประเทศพอสมควรมาให้ได้อ่านกัน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวที่ว่านี้ถือเป็นการส่งต่อความดีหรือ Pay It Forward อย่างหนึ่งที่น่าสนใจมากดังนั้นผมขอเรียกปรากฎการณ์ที่ว่านี้ว่า "AJO Phenomenon" หรือ ปรากฎการณ์ AJO ก็แล้วกันครับ


       จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดนี้เริ่มขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2556 เมื่อลูกสาวของครอบครัว โอ'นีล (O’Neills) ที่ชื่อว่า Alyssa J O’Neill ได้ล้มป่วยด้วยโรคลมชักหรือลมบ้าหมู ซึ่งอาการของเธอในขณะนั้นอยู่ในขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นอันตรายต่อชีวิตมาก ตัวเธอเองก็คงทราบดีว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจึงได้ SMS ข้อความไปบอกแม่ของเธอว่าอยากให้แม่ของเธอพากินไป Pumpkin Spice Latte หรือ กาแฟลาเต้ฟักทองของร้าน Starbucks สักครั้งหนึ่งซึ่งแม่เธอก็รับปากแต่ยังไม่ทันได้ไปด้วยกัน Alyssa ก็มาเสียชีวิตไปเสียก่อน

       เมื่อจัดงานศพของ Alyssa เสร็จสิ้นลงไปแล้ว แม่ของ Alyssa ก็คิดอยากที่จะทำความฝันก่อนตายของลูกสาวให้เป็นจริงถึงแม้ว่า ณ วันนี้จะไม่มีเธออยู่บนโลกนี้แล้วก็ตามเธอจึงได้ตัดสินใจไปที่ร้านกาแฟ Starbucks สาขาที่ใกล้บ้านเธอพร้อมกับสั่งกาแฟ Pumpkin Spice Latte ให้กับคนที่ไม่รู้จักในร้านจำนวนทั้งสิ้น 40 แก้วโดยขอให้ทาง Barista ของร้านช่วยเขียน Hashtag คำว่า #AJO (ย่อมาจากคำว่า Alyssa J. O'Neill ซึ่งเป็นชื่อของลูกสาวเธอ) ติดข้างแก้วเพื่อเป็นการแสดงความระลึก


       ถ้าเรื่องราวจบลงแค่ตรงนี้ก็ไม่น่าจะเป็นกิจกรรม Pay it forward ที่โด่งดังสักเท่าไหร่ แต่เมื่อผู้จัดการและพนักงานร้าน Starbucks ได้ทราบความประสงค์และเรื่องราวทั้งหมดจากแม่ของ Alyssa พวกเขารู้สึกชื่นชมในความตั้งใจของเธอมากจึงได้ตัดสินใจร่วมกันทำ Pumpkin Spice Latte สมทบเพื่อแจกให้กับลูกค้าให้ฟรีเพิ่มอีก 50 แก้ว เท่านั้นแหละครับจึงเกิดปรากฎการณ์ AJO ขึ้นและเมื่อข่าวนี้ได้แพร่หลายออกไปจึงมีคนติด Hashtag #AJO กันมากขึ้นๆ และกลายเป็นเรื่อง Talk Of The Town ระดับโลกในที่สุด


       นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนกระทั่งบัดนี้การทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทนหรือการส่งต่อความดีหรือส่งต่อความสุขให้กับคนอื่นๆ แบบ #AJO นั้นก็ไม่ได้อยู่แค่เพียงการแจกเครื่องดื่มแบบที่ Starbucks ได้ทำเท่านั้นแต่ยังแพร่ระบาดไปยังเรื่องอื่นๆ อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินค่าของขวัญคริสต์มาสที่คนอื่นค้างไว้ การช่วยเหลือคนอื่นในเรื่องที่พอจะช่วยได้เป็นต้น โดยมีการติด Hashtag #AJO เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ Alyssa อีกด้วย


       ในปัจจุบันคำว่า AJO ได้กลายเป็นคำ Slang ที่ใช้พูดในความหมายว่าการทำความดีให้กับสังคมโดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ดังนั้นหากเราไปยังต่างประเทศแล้วมีคนพูดถึง AJO ก็ขอให้รู้ไว้เลยครับว่าเขากำลังพูดถึงการทำดีหรือการส่งต่อความดีให้กับผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนซึ่งเข้าทำนอง Pay It Forward นั่นเองและนับวันในโลกสังคมไซเบอร์ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram หรือแม้แต่ Pinterest ก็ยังมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ AJO มากขึ้นและต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ โดยสามารถลอง Search จาก Hashtag คำว่า #AJO ดูก็ได้ครับ

       ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่หนึ่งในตัวอย่างของการทำดีแบบ Pay It Forward ที่นับวันเริ่มจะมีน้อยลงๆ ในโลกใบนี้ครับ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในปัจจุบัน ว่าแต่ว่าวันนี้ คุณ Have You AJOed Today? บ้างหรือยังครับ @^_^@


                                                                                                          กาลาโต้