แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สตารฺบัคส์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สตารฺบัคส์ แสดงบทความทั้งหมด
วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

"คุณภาพหรือปริมาณ???"



คนรักกาแฟและคอกาแฟทุกท่านครับ

หากจะพูดถึงเรื่องของข่าวคราว ความเคลื่อนไหวของแวดวงกาแฟเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้เชื่อว่าคงไม่มีข่าวไหนที่จะเด่นไปกว่าเรื่องของแคมเปญการตลาดระหว่างร้านกาแฟแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Starbucks และร้านกาแฟแบรนด์ไทยที่ขยายสาขาแบบเรียกว่าต่อเนื่องไปทุกๆ วันอย่าง Cafe Amazon ที่เริ่มแรกเป็นเพียงแค่บทความที่เขียนลงในเว็บ Smart SME ที่มีการพูดถึงเรื่องของแคมเปญดังในต่างประเทศที่ครั้งหนึ่งร้านโดนัทระดับโลกอย่าง Dunkins Donuts เคยนำมาใช้อย่างห้าวหาญนั่นก็คิอแคมเปญ #dunkinsbeatstarbuck พร้อมกับผู้เขียนได้ลองนำเอาแคมเปญดังกล่าวมาลองทำและนำเสนอในบ้านเรานั่นก็คือ #amazonbeatstarbuck โดยมีการพูดถึงเรื่องของการเติบโตของร้าน Cafe Amazon และการเติบโตของกาแฟแบรนด์ไทย (อ่าน : แคมเปญการตลาดกาแฟดุเดือด #amazonbeatstarbucks Amazon โค่น Starbucks )




และแน่นอนครับว่าผ่านพ้นไปไม่เท่าไหร่ เจ้า Topic เรื่องที่ว่านี้ก็ไปโผล่ยังเว็บไซต์แสดงความคิดเห็นชื่อดังของไทยอย่าง pantip ทันทีโดยมีคนไปตั้งหัวข้อว่า "ทำไม กาแฟAmazon(สัญชาติไทย)1,700สาขา ถึงยังสู้ สตาร์บัค(starbucks) ของเมกายังไม่ได้" โดยมีการ quote ข้อความจากบทความต้นฉบับมาโพสต์ไว้ซึ่งก็แน่นอนครับว่าคำตอบทีไ่ด้นั้นมันมีมากมายแตกต่างกันออกไป


จากการที่ผมได้อ่านบทความในแหล่งข้างต้นและอ่านคอมเมนต์หรือความคิดเห็นในเว็บบอร์ดชื่อดังทำให้ผมเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าท้ายที่สุดแล้วความสำเร็จของร้านกาแฟที่แท้จริงนั้นมันอยู่ที่ "ปริมาณหรือคุณภาพ" กันแน่



ในวงการธุรกิจอื่นๆ อาจจะวัดความสำเร็จของธุรกิจด้วยปริมาณสาขาที่แผ่ขยายแพร่กระจายออกไปเรียกว่ายิ่งมีสาขามากยิ่งดี ยิ่งมีสาขาเยอะยิ่งประสบความสำเร็จแต่สำหรับวงการกาแฟแล้ว "สาขาที่มาก" อาจจะไม่ใช่ตัววัดหรือตัวบ่งชี้ความสำเร็จหรือความนิยมเสมอไป

มีหลายคนที่พูดตรงกันว่ารสชาติกาแฟของแบรนด์นกแก้วนั้นยังไม่คงที่ สั่งแต่ละที่ แต่ละสาขาแม้ว่าจะเป็นกาแฟชนิดเดียวกันแต่รสชาติกลับไม่เหมือนกัน แม้แต่ว่าสาขาเดียวกันแต่สั่งคนละวันรสชาติก็ยังไม่เหมือนกัน บางคนก็ว่าร้านกาแฟแบรนด์นางเงือกขายความเป็น Experience หรือความเป็นประสบการณ์ร่วมระหว่างร้านกาแฟกับคนที่รับประทานกาแฟจนทำให้ร้านกาแฟเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สามของผู้ดื่มกาแฟ และยังมีอื่นๆ อีกมากมายที่คอกาแฟต่างไปแสดงความคิดเห็น



ในเรื่องนี้ผมเองก็ไม่อาจจะบอกหรือตอบได้ครับว่าร้านกาแฟแบรนด์ไทยจะก้าวไปตีตลาดเทียบเคียงกาแฟแบรนด์นอกที่มี Story อันยาวนานได้หรือไม่เพราะกาแฟแต่ละแบรนด์ก็ย่อมต้องมีกลยุทธและวิธีการทำการตลาดของตนเอง คงไม่มีใครที่ทำธุรกิจแล้วอยากเป็นรองคนอื่นหรอกครับหากแต่ผมมองว่าบางครั้งการที่จะก้าวไปเป็นที่หนึ่งได้นั้นบางครั้งมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องแข่งกับคนอื่นเสมอไปครับเพราะถ้าหากเราแข่งขันกับตัวเอง พัฒนาสิ่งที่ตนเองมีอยู่ให้ดีขึ้น ฟังความคิดเห็นของลูกค้าที่มาร่วมแชร์และแบ่งปันประสบการณ์แล้วล่ะก็ในที่สุดแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นเป็นแบรนด์หนึ่งในตลาดแต่ทว่ามันเองก็อาจจะขึ้นเป็นแบรนด์หนึ่งในใจคนกินกาแฟก็เป็นได้ครับ

                                                                                                           กาลาโต้
วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

สิ่งที่บาริสต้าอยากให้คุณรู้

เบื้องหลังกาแฟแก้วหอมกรุ่น และบรรยากาศน่านั่ง “บาริสต้า” ผู้เสิร์ฟเครื่องดื่มดีๆ ให้กับคุณ มีอะไรอยากจะบอก

เรื่องนี้...บาริสต้าขอ


1. ตอนสั่งกาแฟ หลีกเลี่ยงการสั่งกาแฟเป็นภาษาสตาร์บัค หากคุณไม่ได้อยู่ร้านสตาร์บัค ขอให้ใช้คำศัพท์ทั่วไป และหากเป็นไปได้ อย่าก้มหน้าดูมือถือเช็คเฟสบุค ขณะที่กำลังสั่งกาแฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีคนยืนต่อคิวคุณอยู่

2. ตอนรอเครื่องดื่ม กาแฟเป็นเรื่องของศิลปะ จึงต้องใช้เวลาในการชงและประดิษฐ์ ขอให้ลูกค้าอดทนรอกันหน่อย นอกจากนี้บาริสต้าก็อยากคุยกับลูกค้าทุกคน แต่ถ้าในขณะนั้นมีออเดอร์เยอะ ก็อาจจะต้องก้มหน้าก้มตาชงกาแฟอย่างเดียว

3. หากบาริสต้าชงผิด กาแฟในมือคุณไม่ได้มีรสชาติหรือสเปคอย่างที่คุณสั่ง คุณสามารถนำกลับไปให้บาริสต้าชงใหม่ได้ ดีกว่าที่จะเดินออกจากร้านไปแล้วบ่น โดยที่บาริสต้าไม่รู้อะไรเลย
4. คำขอบคุณของลูกค้ามีความหมายเสมอ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่บาริสต้ายุ่งมากๆ ก็ตาม พวกเขาก็ยังอยากได้ยินคำขอบคุณจากคุณ

5. นั่งนาน หากคุณตั้งใจจะใช้เวลาที่ร้านเป็นเวลานาน ช่วยสั่งเครื่องดื่มทางร้านบ้างจะดีมากๆ

6. ทิปส์และการจ่ายเงิน การให้ทริปกับบาริสต้าช่วยให้พวกเขามีกำลังใจทำงานอีกเยอะเลย

7. สเปคกาแฟแบบละเอียดยิบ เช่น กาแฟร้อนที่ 178 องศา อาจทำให้บาริสต้างง และทำได้เพียงแค่ใช้น้ำร้อนมากในการชงเท่านั้น

8. แก้วเซรามิค หากคุณวางแผนไว้ว่าจะนั่งที่ร้านเป็นเวลานาน บาริสต้ายินดีจะเสิร์ฟกาแฟในแก้วเซรามิคให้ ลูกค้าจะได้เอ็นจอยกับรสชาติกาแฟมากกว่า แถมทางร้านก็ได้ลดขยะด้วย

9. บาริสต้ากังวลเมื่อไม่เห็นคุณ เมื่อคุณเป็นลูกค้าประจำของร้านกาแฟ แต่ไม่ได้แวะไปที่ร้านเหมือนทุกๆ วัน บาริสต้าจะเริ่มกังวลว่าคุณหายไปไหน

จะว่าไปแล้ว บาริสต้าเป็นงานที่ไม่ง่าย เพราะเท่ากับว่าต้องทำทั้งงานศิลปะ และงานบริการในคราวเดียว ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณแวะร้านกาแฟ หลังจากชิลล์กับเครื่องดื่มผสมคาเฟอีนหอมกรุ่น และพร้อมนอนดึก เพื่อบันเทิงไปกับ M88  แล้ว อย่าลืมมอบรอยยิ้มและมิตรภาพให้กับพวกเขา การให้ความร่วมมือ และเป็นลูกค้าที่น่ารัก ก็จะช่วยให้บาริสต้ามีกำลังใจในการทำงาน และชงกาแฟรสชาติดีให้กับคุณได้อีกเยอะ