วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 | By: กาลาโต้

Cupping Street : ทุก story ย่อมมีที่มากับ Vivi Cafe



       ในชีวิตของคนเราทุกคนนั้นย่อมต้องผ่านเรื่องราวต่างๆ นาๆ ที่ประดังเข้ามาในชีวิตอยู่ทุกวัน ดีบ้าง ร้ายบ้างปะปนกันไป ไม่มีใครหรอกที่เจอแต่เรื่องดีๆตลอดชาติและก็ไม่มีใครอีกเช่นกันที่ต้องเจอแต่เรื่องแย่ๆ ตลอดไป เพราะบางทีในความแย่ก็ยังมีเรื่องที่ดีอยู่บ้างหรือบางทีเรื่องที่เราคิดว่าดีที่สุดก็ยังมีเรื่องร้ายๆ แอบโผล่มาให้เห็นอยู่ด้วยเสมอๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้ายสิ่งเหล่านั้นก็คือประสบการณ์และความทรงจำของเราที่รู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น

      เมื่อคนเรามีความทรงจำได้ สิ่งของก็คงมีความทรงจำได้เช่นกันหากเพียงแต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้มีความรู้สึกนึกคิดในเรื่องของความทรงจำแต่กลับเป็นตัวที่กระตุ้นให้เกิดความทรงจำอันมากมายกับใครๆอีกหลายคนรวมไปถึงเจ้าของร้านกาแฟในวันนี้ที่เราจะนำเสนอก็คือร้าน Vivi Cafe


       ร้าน Vivi Cafe ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารสถาบันกวดวิชา enconcept อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งเดียวกับโรงภาพยนตร์ Century ซึ่งหาง่ายมากครับหากขึ้นรถไฟฟ้ามาให้ลงสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้วเดินมายังบันไดทางออกที่จะเดินไปยังอนุสาวรีย์ ลงบันไดมากลับหลังหันเจอเลย หรือถ้ามาโดยรถโดยสารประจำทางก็ลงป้ายโรงภาพยนตร์ Century แล้วเดินย้อนไปประมาณไม่เกิน 150 เมตรก็จะเห็นร้านเด่นเป็นสง่า


       ด้วยสโลแกนของทางร้านที่ว่า "จิบล้านความทรงจำ" จึงพอทำให้เชื่อได้ว่าคุณเวียงเจ้าของร้านกาแฟ Vivi Cafe (อาจจะเป็นต้นแบบของโลโก้ของร้านด้วย @^_^@) คงจะเป็นคนที่มีอารมณ์สุนทรีย์และคงมีเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิตพอสมควร ดูจากการตกแต่งร้านสไตล์ retro ในยุค '80 ไม่ว่าจะเป็นผนัง เก้าอี้ หรือแม้กระทั่งของประดับร้านก็เป็นของเก่าๆ แบบประมาณว่าเคยเห็นกันตอนเด็กๆ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ออกแบบย้อนยุคเต็มร้อยอย่างร้านกาแฟเพลินวาน แต่ก็ได้บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นสไตล์บ้านๆ ชานเมือง เลยทีเดียว ส่วนกรอบรูปด้านหนึ่งที่ติดบนผนังนั้นเมื่อเดินไปใกล้เราจะได้เห็น The Story Of Vivi Cafe หรือเรื่องราวที่มาของการก่อกำเนิดของร้าน Vivi cafe ที่กลั่นกรองข้อความมาจากหัวใจของเจ้าของร้าน และ story เหล่านี้เองมีส่วนช่วยทำให้เราทราบถึงทีมา แนวคิดของเจ้าของร้าน คอนเซปต์ร้านอีกทั้งยังช่วย build อารมณ์ให้กาแฟของคุณมีความอร่อยขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว




       ในส่วนเมนูของทางร้านก็มีเครื่องดื่มหลายชนิดให้ได้เลือกชิมกัน จากการแอบสอบถามเด็กๆ ที่มาใช้บริการระหว่างรอเข้า class เรียนพิเศษ ทราบว่าโกโก้เย็นที่นี่อร่อยไม่แพ้ใคร แต่เนื่องจากเราคอกาแฟดังนั้นจึงขอสั่ง Signature Drink ของที่นี่ที่ barista ภูมิใจนำเสนอนั่นก็คือ Ice Vivi Coffee นั่นเอง


       Ice Vivi Cofee แก้่วนี้มีรสชาติกลมกล่อมลงตัวอย่างน่าประหลาด ความเข้มข้นของเมล็ดพันธุ์กาแฟที่ผสมผสานกับส่วนผสมอันเป็นรูปแบบเฉพาะของทางร้านและเมื่อผนวกกับ story ที่ติดข้างผนัง รวมไปถึงบรรยากาศแนว Retro แล้ว ทำให้กาแฟแก้วนี้เอร็ดอร่อยราวกับต้องมนต์ มีความอ่อนนุ่มของรสชาติที่แฝงอยู่ในในความเข้มข้นของกาแฟ มีรสหอมหวานอ่อนๆ แทรกอยู่ในทุกอนูที่ได้ชิม ทันทีที่ได้จิบไปอึกแรกชวนให้คิดถึงความทรงจำในอดีตที่เคยผ่านมา หรือนี่จะคือสิ่งที่สโลแกนว่า "จิบล้านความทรงจำ" และกาแฟแก้วนี้คงจะเป็นอีกหนึ่งในความทรงจำดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตผม ให้ผมได้หวลคิดคำนึงในกาลข้างหน้าว่าครั้งหนึ่งได้มีโอกาสจิบกาแฟอร่อย กาแฟดี กาแฟที่ทำออกมาด้วยหัวใจ อย่าง Ice Vivi Cafe แก้วนี้...


       ดังที่ผมกล่าวไปข้างต้นนั่นแหละครับว่าคงไม่มีอะไรที่จะเป็นความทรงจำดีๆ ได้ทั้งหมด หรือจะเลือกเก็บแต่เฉพาะความทรงจำที่ดีอย่างเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ ชีวิตย่อมต้องมีทั้งดีและร้าย เมื่อมีความทรงจำที่ดีก็ขอให้รักษามันไว้ตลอดไป ส่วนเมื่อมีความทรงจำที่ร้ายๆ ขอก็ให้เก็บไว้เป็นบทเรียน อาจจะเจ็บบ้าง อาจจจะทุกข์บ้าง ก็ขอให้มันเป็นเหมือนยารักษา ภูมิต้านทานโรคไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก และขอให้จำไว้ว่าบางทีในเรื่องแย่ๆ ก็น่าจะยังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นอยู่บ้างเหมือนกันหากเราใช้สติปัญญาไตร่ตรองดูดีๆ


"ดูอย่างนาฬิกาที่เสียสิ อย่างน้อยๆ ก็บอกเวลาถูกวันละตั้ง 2
ครั้งนะครับ!"

                                                                                                                             กาลาโต้





วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 | By: กาลาโต้

Cupping Street : กาแฟช้างน้อยกับ Opal's Coffee



       สวัสดีครับท่านผู้อ่านและชาว coffee mania ทุกท่าน ช่วงที่ผ่านมาห่างหายจากการอัพเดท blog ไปเกือบๆ 2 สัปดาห์เนื่องจากว่ามีภารกิจติดพัน แม้จะได้ไปชิมกาแฟมาหลายที่แต่ก็ยังไม่มีเวลาที่จะมาเขียนเรื่องนำเสนอก็เลยจำเป็นต้องเก็บเป็น stock ไว้เพื่อจะได้ทยอยๆ นำมาลงให้อ่านกัน หวังว่าผู้อ่านทุกท่านคงจะไม่ลืมกันและคอยติดตามกันอยู่นะครับ
      
       สำหรับ Cupping Street ในตอนนี้ผมจะพาทุกคนไปเยี่ยมชมร้านกาแฟโอปอลที่ไม่ใช่ร้านของโอปอลกัน ! งงกันไหมครับ ??? อย่าเพิ่งงงกันเพราะคำเฉลยนั้นอยู่ในบรรทัดถัดไป!

       ถ้ายังจำกันได้ ในตอนแรกๆ ของการเขียน blog ซึ่งก็คือเรื่องแรกนั่นเอง ผมได้มีโอกาสพาไปยังร้านกาแฟ "มงคล" ที่ดำเนินการโดยคุณโอเปคน้องชายของคุณ โอปอลดาราชื่อดังซึ่งมีหุ้นอยู่ในร้านดังกล่าวด้วย แต่ในบทความตอนนี้ถึงแม้ว่าร้านจะชื่อ "โอปอล" แต่ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างไรกับครอบครัวตระกูลนี้ แถมโลโก้ของร้านยังออกแบบได้น่ารักเสียด้วยเป็นรูปช้างน้อยภายใต้ชื่อร้านว่า "โอปอล คอฟฟี่"



       ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยสนิทกับร้านนี้สักเท่าไหร่นัก แต่จากการใช้ชื่อและโลโก้ของร้านแล้วน่าจะพอเดาได้ว่า คำว่า "โอปอล" ที่มาเป็นชื่อของร้านนั้นน่าจะเป็นชื่อเล่นของเจ้าของร้านมากกว่า อีกทั้งเจ้าของน่าจะเป็นผู้หญิงและชอบช้างเป็นพิเศษจึงนำเอารูปช้างน่ารักๆ มาเป็นโลโก้ จะผิดถูกอย่างไรก็ไม่้ทราบได้เพราะตั้งแต่ดื่มมาไม่เคยเจอเจ้าของร้านเสียทีหากมีโอกาสได้เจอไว้จะไถ่ถามมาฝากกัน

       กลับเข้าสู่เรื่องของร้าน "Opal's Coffee" กันดีกว่า ร้านกาแฟที่กล่าวถึงนี้ มีพิกัดสถานที่ตั้งอยู่บริเวณลานฝั่งโรงพยาบาลราชวิถี โดยเปิดเป็นร้านแบบ stand alone ที่อยู่แวดล้อมไปด้วย ร้านขายเสื้อผ้า ของแฟชั่นหรือแม้กระทั่งก๋วยเตี๋ยวและขนมจีนน้ำยา! ซึ่งถ้าเราไปถึงตรงนั้นแล้วรับรองหาไม่ยากครับ เพราะร้านกาแฟสไตล์นี้มีเพียงแค่ร้านนี้ร้านเดียว โดยร้านด้านหน้าจะมี Counter Bar ที่ลูกค้าจะสั่งเครื่องดื่มได้จากตรงนี้หรือจะนั่งทานฆ่าเวลาระหว่างรอรถประจำทางก็ยังได้เพราะสามารถนั่งได้ 3-4 คน ส่วนด้านข้างของร้านมีโต๊ะ๊กลมพร้อมเก้าอี้ขนาดย่อมๆ ให้บริการได้อีก 4 คน แค่นี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว


       และด้วยโลโก้ของร้านที่เป็นรูปช้างน้อยน่ารักๆ บวกกับชื่อที่มีความโดดเด่นในตัวอย่าง "โอปอล" จึงทำให้ผู้ที่เดินผ่านสัญจรไปมาไม่น้อยสะดุดตาที่จะมองดูและเมื่อผสมผสานกับความหอมของกลิ่นกาแฟที่ลอยออกมาแทบจะตลอดเวลาแล้วทำให้หลายคนตัดสินใจที่จะเข้าไปลิ้มลองสินค้าของร้านโดยไม่ลังเล โดยของที่ขายในร้านนั้นต้องเรียกได้ว่าเน้นกลุ่มเป้าหมายดึงดูดบรรดาวัยรุ่นเป็นพิเศษ เพราะนอกจากกาแฟและชาแล้วยังมีไอศครีมและ smoothies ให้ได้ชวนชิมกันอีกด้วย แถมยังมี topping ให้ใส่กันตามความชอบใจแบบนี้คงจะถูกใจคอไอศรีมได้เป็นอย่างดี


       ส่วนเรื่องของกาแฟนั้นร้านโอปอลจะเหมือนกับหลายๆ ร้านที่มี Signature Drink เป็นของตนเอง โดยร้านนี้มี "กาแฟโอปอล" เป็นตัวชูโรงของร้าน ขายในราคา 55 บาท แต่เท่าที่ลองชิมดูหลายครั้งผมกลับชอบเมนู Espresso เย็นของที่นี่มากกว่าเพราะรสชาติจะออกกลมกล่อมในขณะที่กาแฟโอปอลนั้นจะเน้นหวานมันให้ถูกคอกับรสชาติของคนไทยเป็นหลัก ในส่วนของไอศครีมหรือ smoothies ถือว่ารสชาติใช้ได้เหมาะกับคนที่ชอบของหวานแนวนี้ครับ


       ร้าน Opal's Coffee นี้มักจะมีกิจกรรมเล็กน้อยๆ ให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปีนอกเหนือจากโปรโมชั่นประจำร้านคือซื้อ 10 แถม 1 (อีกแล้ว) อย่างเช่นเมื่อต้นปีก็มีการสะสมแต้มเพื่อแลกตุ๊กตาช้างน้อย หรือก่อนหน้านี้ที่เป็นโปรโมชั่นสะสมแต้มเพื่อแลก tumbler ใส่เครื่องดื่มหรือแม้กระทั่งนำ tumbler มาใส่เครื่องดื่มจะได้ลดราคา ถึงแม้ว่าจะเป็นโปรโมชั่นที่ดูไม่หรูมากเมื่อเทียบกับบรรดาร้านกาแฟยักษ์ใหญ่หลายๆ เจ้าแต่ก็เป็นการสร้างความสัมพันธ์และเป็นการตอบแทนลูกค้าผู้มีอุปการะคุณได้ในระดับหนึ่งดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่เราจะเห็นร้าน Opal's coffee นี้มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาใช้บริการกันตลอดทั้งวัน

       ครั้งต่อไปหากมีโอกาสผ่านไปแถวอนุสาวรีย์อยากให้ไปลองใช้บริการหรือไปลิ้มลองเครื่องดื่มของร้าน Opal's Coffee กัน รับรองได้ว่าบรรดาคอกาแฟไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนส่วนจะทานไอศครีมหรือ smoothies เพิ่มเติมนั้นถือเป็นของแถมกำไรชีวิตก็แล้วกันครับ

                                                                                                                     Galato