วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560 | By: กาลาโต้

ชัวร์หรือมั่วนิ่ม? ดื่มกาแฟมากๆ ทำให้เกิดเป็นโรคมะเร็ง!!!



สวัสดีคนรักกาแฟทุกท่านครับ

หากใครก็ตามที่ติดตามข่าวเรื่องของประโยชน์และโทษของกาแฟมาโดยตลอดน่าจะพอทราบดีว่าตอนนี้มีข่าวๆ หนึ่งที่ค่อนข้างมีการพูดกันหนาหูในวงกว้างว่า "การรับประทานกาแฟมากๆ นั้นจะทำให้เกิดเป็นโรคมะเร็งเพราะเนื่องมาจากว่ากาแฟนั้นมีสารที่ทให้เกิดมะเร็งอยู่" ซึ่งเจ้าข่าวที่ว่านี้ไม่เพียงแต่แค่มีการเผยแพร่บนโลกออนไลน์เท่านั้นนะครับหากแต่รายการโทรทัน์และหนังสือพิมพ์บางเล่มยังนำเอาเรื่องดังกล่าวไปพูดขยายความกันจนทำให้ "คอกาแฟ" ทั้งหลายที่ดื่มกาแฟกันเป็นประจำต่างวิตกกังวลกับเรื่องดังกล่าวจนทำให้บรรยากาศและความสุนทรีย์ในการกินกาแฟลดลงอย่างเห็นได้ชัด



สำหรับข่าวที่ว่านี้ผมเองก็เคยได้อ่านและเกิดความสงสัยเช่นกันครับเพราะจากที่เคยเรียนรู้เรื่องประโยชน์และโทษของกาแฟผมเองก็ยังไม่เคยได้ยินหรือ่านเจอมาก่อน จะมีก็แต่เพียงแค่ว่ากาแฟนั้นมีส่วนช่วยในการต่อต้านมะเร็งเต้านม ดังนั้นผมเองจึงลองค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่เป็นสากลดูและทำให้ได้รับคำตอบว่าข่าวดังกล่าวนั้นเกิดจากความเข้าใจที่ผิดครับโดยผู้ที่ออกมาพูดถึงเรื่องที่ว่านี้ก็ไม่ใช่องค์กรหรือหน่วยงานที่ไม่มีความน่าเชื่อถือแต่เป็นองค์กรระดับโลกอย่าง World Health Organization (WHO) หรือองค์การอนามัยโลกนั่นเองครับ



World Health Organization (WHO) หรือองค์การอนามัยโลกได้ออกเอกสารทางการเผยถึงผลการศึกษาล่าสุดที่ชี้ว่าการดื่มกาแฟติดต่อกันนั้นไม่ได้เป็นผลที่ทำให้ผู้ดื่มเป็นมะเร็งหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบหลอดเลือดตามที่เคยมีการพูดถึงกันก่อนหน้านี้เพราะความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหลอดอาหารที่เกิดจากกาแฟนั้นมันมีสาเหตุมาจากการดื่มเครื่องดื่มที่ร้อนจัดเกินไปต่างหาก หาได้เกิดจากสารในกาแฟแต่อย่างใดไม่ โดยนักวิจัยเองได้ทำการศึกษาพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มในประเทศต่างๆ และพบว่าประเทศที่มีการดื่มชา หรือกาแฟที่ร้อนจัด หรือในน้ำที่ชงด้วยอุณหภูมิสูงกว่า 70 องศาเซลเซียส (สำหรับกาแฟอุณหภูมิน้ำจะอยู่ที่ 94 องศาเซลเซียส) มีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งหลอดอาหารมากกว่าการชงกาแฟที่อุณหภูมิต่ำกว่า เนื่องจากว่าอุณหภูมิน้ำที่ร้อนจัดสามารถทำให้เยื่อบุต่างๆ อักเสบ และกระตุ้นให้เกิดมะเร็งได้ โดยกลุ่มประเทศที่พบว่านิยมการดื่มเครื่องดื่มในอุณหภูมิร้อนจัดได้แก่ประเทศจีน อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง



อย่างไรก็ตามผลการศึกษานี้ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าการดื่มเครื่องดื่ม หรือรับประทานอาหารที่ร้อนจัดเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งหลอดอาหารเพราะเนื่องมาจากว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างการสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลเป็นประจำ ยังคงเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งระบบทางเดินอาหารเช่นเดิม

นี่แหละครับข้อเท็จจริงของเรื่องทั้งหมดที่ว่ามานี้ ได้ยินแบบนี้เชื่อว่า "คอกาแฟ" ทั้งหลายคงจะสบายใจกันเสียทีนะครับและสำหรับเรื่องนี้ผมเองเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นกับคนไทยโดยเฉพาะคอกาแฟวัยรุ่นในบ้านเราสักเท่าไหร่เพราะเนื่องจากว่าบ้านเรานั้นเป็น "เมืองร้อน" เป็นทุนเดิมอยู่แล้วดังนั้นกาแฟที่ขายดีที่สุดก็คือ "กาแฟเย็น" นั่นเอง

                                                                                                                            กาลาโต้
วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560 | By: กาลาโต้

กาแฟเงือกเขียวกำไรต่อแก้วน้อยกว่ากาแฟรถเข็นจริงหรือ??



สวัสดีคนรักกาแฟทุกท่านครับ

สำหรับรื่องที่ผมจะพูดถึงในวันนี้นั้นสืบเนื่องมาจากการท่องเน็ตตามประสาคนชอบอ่านไปเรื่อยๆ ของผมจนทำให้วันหนึ่งมีโอกาสได้พบกับบทความๆ หนึ่งที่เขาเปรียบเทียบกันระหว่างกาแฟเงือกเขียวอย่าง Starbucks กับกาแฟรถเข็นในทำนองที่ว่าถึงแม้ว่ากาแฟ Starbucks จะขายราคาแพงก็ตามทีแต่ถ้าหากว่าลองเอามันมาเปรียบเทียบต้นทุนกับกาแฟรถเข็นแล้วเราจะรู้ว่ากำไรต่อแก้วของกาแฟ Starbucks นั้นจะน้อยกว่ากาแฟรถเข็นธรรมดาๆ พร้อมทั้งอธิบายเอาไว้อย่างชัดแจ้งเบ็ดเสร็จเลยครับว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นตามประสานักวิเคราะห์ที่น่าจะจบทางด้านการตลาดมาซึ่งผมเองนั้นเมื่อได้อ่านก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจดังนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะนำเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ทุกท่านได้ฟังกันครับ

ในบทความดังกล่าวนี้เขาพูดถึงเรื่องของอัตรากำไรสุทธิต่อแก้วของ Starbucks ที่ตกอยู่ราวๆ 13% ซึ่งถ้าหากเทียบกับกาแฟรถเข็นที่หลังจากหักต้นทุนต่างๆ ที่จำเป็นออกไปแล้วกาแฟรถเข็นมีกำไรต่อแก้วมากถึง 67% เลยทีเดียวเชียวล่ะครับซึ่งฟังดูแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้ใช่ไหครับซึ่งแรกเริ่มเดิมทีผมเองก็คิดเช่นนี้แต่เมื่อได้อ่านต่อไปจนจบเลยทำให้รู้ว่ามัน "เป็นจริง" ดังที่เขากล่าวอ้างครับเพราะค่าใช้จ่ายที่ทำให้อัตรากำไรต่อแก้วของ Starbucks นั้นน้อยกว่าที่ควรจะได้ก็คือ "ต้นทุนค่าเช่าร้าน" นั่นเองเพราะเนื่องจากว่าร้านกาแฟ Starbucks นั้นเป็ฌนร้านกาแฟที่เปิดโดยการเช่าพื้นที่ซึ่งโดยมากจะอยุ่ในห้างสรรพสินค้าดังนั้นอัตราค่าเช่าพื้นที่ของมันจึงค่อนข้างสูงทำให้กำไรที่ควรจะได้หมดไปกับเรื่องนี้เสียป็นส่วนใหญ่ในขณะที่กาแฟรถเข็นนั้น cost หรือต้นทุนเรื่องค่าเช่าที่เป็น 0 หรือแทบจะไม่มีดังนั้นมันจึงทำให้กำไรของกาแฟรถเข็นต่อแก้วมีมากกว่ากาแฟ Starbucks ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องครับ



แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ากำไรต่อแก้วของกาแฟ Starbucks จะน้อยกว่ากาแฟรถเข็นแต่เมื่อรวมยอดขายทั้งวันหรือยอดขายขายตลอดการขายทั้งเดือนแล้วเราเองจะรู้เลยครับว่ากำไรรวมของกาแฟ Starbucks นั้นมีสูงหรือมากกว่ากาแฟรถเข็นกว่ามากจนแทบจะเทียบกันไม่ได้ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่า Starbucks ได้การขายที่เป็นปริมาณนั่นเองครับเพราะคนส่วนใหญ่ถ้าต้องเลือกดื่มกาแฟดีๆ สักแก้วหนึ่งเขาก็คงเลือกที่จะดื่มกาแฟ Starbucks มากกว่ากาแฟรถเข็นเพราะอย่างน้อยรถชาติของกาแฟ Starbucks นั้นมีมาตรฐาน ใช้เมล้ดกาแฟที่ได้คุณภาพและที่สำคัญที่สุดคือ "ชงทุกครั้งก็ได้รสชาติเหมือนเดิมทุกครั้ง" แถม Brand Starbucks เองนั้นก็เป็น Brand กาแฟชื่อดังมีที่มีสาขาและมีคนรู้จักทั่วโลกดังนั้นถึงแม้ว่าอัตรากำไรเฉลี่ยต่อแก้วจะน้อยแค่เมื่อรวมๆ แล้วมันกลับกลายเป็นกำไรที่มากมายมหาศาลเข้าทำนอง "ทรายเม็ดเล็กๆ ที่สะสมจนกลายเป็นกองทรายกองใหญ่ๆ นั่นแหละครับ

สำหรับข้อคิดในบทความตอนนี้คงไม่มีอะไรมากครับเป็นเพียงแค่การเล่าสู่กันฟังส่วนใครที่อยากจะอ่านบทความที่ผมว่านี้แบบเต็มๆ ก็สามารถคลิกเข้าไปอ่านได้ที่นี่เลยครับ แล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้า สวัสดีครับ


                                                                                                                      กาลาโต้

Source : finnomena.com