วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558 | By: กาลาโต้

Blend Storming : หรือแจ๊คคิดจะหาญฆ่ายักษ์???



สวัสดีคนรักกาแฟทุกท่านครับ ทันที่ผมอ่านหนังสือแจกฟรีอย่าง SME STARTUP เล่มล่าสุดประจำเดือนมกราคม 2558 จบลง ผมเองก็ไม่รีรอที่จะเขียน Entry นี้ขึ้นมาทันทีเพราะด้วยว่าเนื้อหาในเล่มนี้มีบทความๆ หนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยววงการกาแฟจนน่าจะเป็นกรณีศึกษาให้ใครหลายต่อหลายคนได้เป็นอย่างดีรวมถึงตัวผมเองด้วยซึ่งนั่นก็คือเรื่องราวที่นักการตลาดเปรียบเปรยร้านกาแฟขนาดเล็กที่กล้าหาญต่อกรกับร้านกาแฟแบรนด์ใหญ่ชื่อดังจนกระทั่งมีการตั้งชื่อหัวข้อได้น่าสนใจว่า “แจ๊คปะทะยักษ์” กันเลยทีเดียว

เรื่องราวของบทความนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทยของเรานี่แหละครับเป็นเรื่องของร้านกาแฟน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดมาได้ประมาณ 3 เดือนอย่างร้าน “Bico” ที่ตั้งอยู่ที่ Community Mall ย่านทาวน์อินทาวน์ที่มีชื่อว่า The Scene นั่นเอง


หากฟังแค่นี้หลายท่านก็อาจจะมองว่าธรรมดาๆ เป็นเรื่องปกติ ซึ่งก็จริงครับหากแต่เรื่องของเรื่องมันซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเพราะร้าน Bico นั้นดันไปตั้งอยู่พื้นที่ๆ แวดล้อมด้วยร้านกาแฟแบรนด์ใหญ่ชื่อดังที่คอกาแฟต่างรู้จักกันดีหลายเจ้าเลยซึ่งแน่นอนว่างานนี้มันคงไม่หมูอย่างที่ใครๆ มองเอาไว้เช่นกัน

ลองคิดกันเล่นๆ ถ้าเราเองตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นก็คงจะประหวั่นพรั่นพรึงใจไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะเนื่องจากว่าเป็นธรรมดาของการตลาดที่แบรนด์เล็กนั้นมักจะสู้แบรนด์ใหญ่ไม่ได้และหากผู้บริโภคต้องเลือกระหว่างร้านที่ตนเองรู้จักดีกับร้านโนเนมผมเชื่อครับว่าใน 10 คนอาจจะมีคนเลือกร้านหลังสัก 1 คนนั่นเพราะคนไม่มั่นใจในชื่อเสียงและรสชาตินั่นเอง ซึ่งนี่เป็นวิธีคิดของคนธรรมดาๆ ทั่วไปครับ


แต่สำหรับคุณนพคุณ ทิพโกมุท เจ้าของร้าน Bico แล้ว เขากลับมีมุมมองที่แตกต่างออกไป เขามองว่าการที่ร้านกาแฟแบรนด์ใหญ่ๆ อยู่ใกล้เขานั้นร้านกาแฟเหล่านั้นมีหน้าที่เป็น PR และเป็น AE ให้กับร้าน Bico ของเขา เพราะเขาเองเชื่อว่าสัญชาติญาณของมนุษย์ทุกคนนั้นมีความเป็นนักสำรวจอยู่ในตัวเองทั้งสิ้น ในขณะที่เรามองว่าคน 10 คนอาจจะเข้าร้านเขาสัก 1 คนแต่ตัวเขาเองกลับมองว่าคนที่เข้าร้านกาแฟแบรนด์ใหญ่ 10 ครั้ง พอครั้งที่ 11 ก็ย่อมอยากจะลองเข้าร้านของเขาเพราะอยากรู้ว่าร้านของเขาเป็นอย่างไร เป็นอย่างไรล่ะครับแนวคิดของเขา

นอกจากความเชื่อที่เขามีแล้ว ร้าน Bico เองยังมีกลยุทธการตลาดที่เรียกว่าน่าจะฉีกจากกฎการตลาดทั่วไปอีกด้วยอาทิเช่น ทางร้านจะไม่มีแก้วแบบทู โก เพื่อนำกลับไปดื่มข้างนอกหรือแม้แต่กลยุทธการตั้งราคาที่ให้มีราคาทัดเทียมกับร้านแบรนด์ใหญ่ๆ ที่อยู่บริเวณนั้น ซึ่งทางคุณนพคุณนั้นเขาก็มีเหตุผลที่ทำเช่นนี้ซึ่งเมื่อใครได้ฟังเหตุผลของเขาแล้วก็อาจทำให้พาลไปคิดว่า “หรือคราวนี้แจ๊คจะมาฆ่ายักษ์” จริงๆ !

จากกรณีศึกษาในเรื่องนี้ทำให้ผมได้รับความรู้เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งสำหรับการเปิดร้านกาแฟในยุคนี้ครับว่าผู้ที่คิดจะประกอบธุรกิจร้านกาแฟต้องเป็นคนที่มี 2 ใจ คือ “ใจรัก” และ “ใจสู้” เพราะในยุคสมัยที่เงินหายากเช่นนี้ “ความรัก” อย่างเดียวก็ไม่อาจพาธุรกิจให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีครับ

                     
                                                                                                        กาลาโต้


วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2558 | By: กาลาโต้

Cupping Street : First Espresso แก้วแรกที่คุณเลือก



ผมเชื่อเหลือเกินครับว่าการได้ดื่มกาแฟที่ทำจากฝีมือของบาริสต้าเก่งๆ นั้นคงเป็นความใฝ่ฝันของคอกาแฟแทบทุกคนและโดยเฉพาะอย่างหากเป็นบาริสต้าที่มีดีกรีเป็นถึงแชมป์บาริสต้าระดับประเทศแล้วล่ะก็ไม่ว่าใครต่อใครก็อยากมีโอกาสลิ้มลองด้วยกันทั้งสิ้นแต่เป็นที่น่าเสียดายครับที่ว่าแชมป์บาริสต้าในบ้านเราส่วนใหญ่นั้นมักจะมีค่าย มีสังกัดควบคุมอยู่ ถ้าไม่ใช่ร้านกาแฟขนาดใหญ่แบรนด์ใหญ่ ก็มักจะเป็นบุคลากรจากโรงแรมชื่อดัง ดังนั้นเมื่อได้แชมป์แล้วบาริสต้าเหล่านี้ก็จำเป็นต้องกลับไปทำงานให้ตามต้นสังกัดดังเดิม ไม่มีโอกาสได้โชว์ฝีมือตามความฝันอย่างที่ต้องการให้นักชิมทั่วไปได้ลิ้มลองซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านั้นครับที่ยังไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองฝีมือของแชมป์บาริสต้าเลยสักคนเดียวแต่ก็ยังโชคดีครับที่ยังมีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่งที่สืบทอดฝีมือมากจากแชมป์บาริสต้าโดยตรงเพราะเนื่องจากว่าเป็นร้านที่แชมป์บาริสต้าผู้นี้ออกมาเดินตามความฝันด้วยการเปิดร้านกาแฟและโรงเรียนสอนชงกาแฟเป็นของตัวเองซึ่งร้านกาแฟที่ว่านี้ก็คือร้าน First Espresso


ร้าน First Espresso ที่เป็นร้านกาแฟของแชมป์บาริสต้าประเทศไทยถึง 2 สมัยซ้อนด้วยกันคือปี 2009 และปี 2010 ซึ่งก็คือคุณเบญญาภา เนาวรรณ์ หรือคุณจีจี้นั่นเองครับโดยปัจจุบันร้าน First Espresso นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 สาขาคือสาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และสาขามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเลขจักรพงษ์ภูวนาถซึ่งเป็นสาขาที่เรานำเสนอในวันนี้ครับ


ร้านกาแฟ First Espresso สาขานี้ตั้งอยู่หน้าถนนระหว่างสถาบันบันเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกจักรพงษ์ภูวนาถกับโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรีโดยเปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 7.00 น. ถึง 20.00 น.


สำหรับรูปแบบการจัดร้านนั้นก็เหมือนกันกับร้านกาแฟสดทั่วๆ ไปโดยมีการจัดโต๊ะ เก้าอี้ไว้ให้ลูกค้านั่งได้อย่างเต็มพื้นที่เรียกได้ว่ารองรับลูกค้าได้มากพอสมควร


ส่วนจุดเด่นของร้านกาแฟร้านนี้เห็นทีคงจะหนีไม่พ้นรสชาติของกาแฟเป็นแน่แท้เพราะเนื่องจากว่าพนักงานชงกาแฟของที่นี่ทุกคนต้องผ่านการอบรมชงกาแฟมาจากโรงเรียนสอนการชงกาแฟสด Benyapa Coffee Academy ที่คุณจีจี้เองเป็นเจ้าของอยู่ด้วยดังนั้นเรื่องรสชาติของกาแฟที่นี่จึงเป็นอันเชื่อใจได้ครับว่าอร่อยอย่างแน่นอน


สำหรับรายการเครื่องดื่มของร้านนี้เขามีอยู่ด้วยกันหลายอย่างครับไม่ว่าจะเป็นกาแฟ โกโก้หรืออื่นๆ รวมไปถึงกาแฟ Alien Coffee ที่ถือเป็น Signature Drink ของที่นี่เขาด้วยส่วนสนนราคานั้นก็อยู่ในระดับปานกลางครับคือตั้งแต่ 40 บาทขึ้นไปเรียกได้ว่าราคานี้ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรือนักศึกษาก็สามารถจับจ่ายซื้อมาดื่มได้และนอกจากนี้เขายังมีโปรโมชั่นยอดฮิตอย่างบัตรสะสมแต้ม 10 แถม 1 ให้คอกาแฟได้เก็บแต้มกันอีกด้วยครับ


มาถึงตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับว่ารสชาติของกาแฟที่ออกมาจากฝีมือแชมป์บาริสต้าระดับประเทศจะมีรสชาติเป็นอย่างไรแต่สำหรับผมแล้วแค่เพียงลูกศิษย์ของแชมป์สืบทอดตำรามาชงกาแฟอร่อยๆ  ให้ผมได้ชิมอย่างร้าน First Espresso แค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ ส่วนจะได้ชิมฝีมือแชมป์บาริสต้าโดยตรงหรือไม่นั้นสุดแท้แต่วาสนาครับ

                                                          กาลาโต้


วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558 | By: กาลาโต้

Cupping Street : ดื่มแล้วอิน ที่ Fin Coffee


        ก่อนอื่นต้องกล่าวคำว่าสวัสดีปีแพะแด่พี่ๆ เพื่อนๆ คนรักกาแฟทุกท่านครับ ในปี 2558 นี้ขอให้ทุกท่านสุขภาพดี มีความสุข มีเงินใช้ ไปร้านกาแฟใดก็ขอให้เจอแต่ร้านกาแฟที่ดี ได้ทานกาแฟที่มีรสชาติถูกปากกันนะครับ ซึ่งหลังจากห่างหายกันไปในช่วงเทศกาลปีใหม่วันนี้ผมเองก็กลับมาทำหน้าที่ตามเดิมและประเดิมปี 2558 ด้วยร้านกาแฟสุดฟินที่มีชื่อว่า “Fin Coffee”


Fin Coffee นั้นเป็นร้านกาแฟสดแบบ Stand Alone ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ค่อนข้างจะเหมาะสมเพราะตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับประตูทางออกด้านหลังของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย อยู่ในบริเวณโซนศูนย์อาหารด้านนอกดังนั้นแน่นอนว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายส่วนใหญ่จึงน่าจะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้มากกว่ากลุ่มเป้าหมายอื่น


สำหรับจุดเด่นที่เป็นที่สะดุดตาของร้านกาแฟแห่งนี้เห็นทีคงจะหนีไม่พ้นป้ายโฆษณาที่เป็นธงญี่ปุ่นรูปลิงน่ารักๆ ชวนให้ลองเข้าไปใช้บริการ


เมื่อเข้ามาสู่ด้านในแม้ว่าสถานที่จะไม่ใหญ่มากเท่าไหร่แต่ก็มีการจัดที่นั่งไว้เป็นสัดส่วนอย่างลงตัวโดยมีทั้งที่นั่งแบบเป็นโต๊ะโซฟาขนาดเล็กและเป็นเคาน์เตอร์บาร์สำหรับนั่งทานคนเดียวดังนั้นในเรื่องของสถานที่จึงผ่านฉลุยครับ


ทีนี้มาถึงเมนูกาแฟและเครื่องดื่มกันบ้างโดยเครื่องเดื่มของที่นี่นั้นส่วนใหญ่แล้วก็จะมีชนิดที่เป็นหลักๆ เช่นเดียวกับร้านกาแฟสดทั่วไปเช่น Espresso Capunncino Mocha Latte หรือแม้แต่กระทั่งชาก็มีพวกชาเขียว ชามะนาว ชาดำ เครื่องดื่มช็อคตโกแลตและสมูทตี้ต่างๆ ไม่มีเมนูพิเศษที่เป็น signature ของร้านแต่อย่างใดส่วนสนนราคานั้นก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานคือตั้งแต่ 40 บาทขึ้นไปตามแต่ชนิดของเครื่องดื่ม


ด้านรสชาตินั้นผมเองสั่ง Espresso เย็นหวานน้อยเพื่อมาลองชิมซึ่งรสชาตินั้นก็โอเคในระดับหนึ่งครับแต่ก็ยังให้ความรู้สึกว่าความเข้มข้นของกาแฟอยู่ในอัตราที่น้อยไปหน่อยแต่ก็พอหยวนๆ ได้ครับเพราะเนื่องจากว่าเพิ่งเปิดใหม่พนักงานเองอาจจะยังไม่มีความชำนาญพอแต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ครับ

ดังนั้นหากใครอยากจะมาลองชิมกาแฟร้านนี้ก็สามารถมาลองกันได้ทุกวันตามพิกัดที่ผมให้ไว้นี้ ส่วนท่านใดจะชิมไปแชะ (ภาพ) ไปแล้วอัพขึ้น social media ก็สามารถทำได้ทันทีครับเพราะเนื่องจากว่าร้านนี้เขามี Wifi ฟรีไว้บริการอีกด้วย

ส่วนในบทความตอนหน้านั้นผมจะพาทุกท่านไปพบกับร้านกาแฟอีกร้านหนึ่งที่อยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกันซึ่งร้านกาแฟร้านนี้มีดีตรงที่เจ้าของร้านเป็นถึงแชมป์บาริสต้าประเทศไทยหลายสมัย พูดแบบนี้แล้วเชื่อว่าคงอยากรู้แล้วสินะครับงั้นอดใจไว้รอชมกันตอนหน้าดีกว่า

                                 กาลาโต้