วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

อันดับ 10 ร้านกาแฟ Bellinee อีกปีกหนึ่งที่สยายแห่งโครงข่าย CP



ถ้าหากจะพูดถึงร้านกาแฟภายใต้การสยายปีกของเจ้าสัวเจริญในนามของ CP แล้วเชื่อเหลือเกินว่าหลายคนคงจะไปถึงร้านกาแฟสีแดงสดใสที่มีชื่อไปเหมือนกับโอเปอเรเตอร์โทรศัพท์มือถือค่ายหนึ่งอย่างทรูนั่นก็คือร้าน "ทรูคอฟฟี่" หรือไม่แล้วนั้นก็อาจจะนึกไปถึงร้านกาแฟที่อยู่ในร้านสะดวกซื้อ 7-11 อย่าง Kudsan ไม่ก็ All Cafe หรือไม่ก็นี่เลยครับกาแฟแบรนด์ใหม่เจาะกลุ่มคนระดับล่างอย่าง "กาแฟมวลชน" แต่ทว่าจะมีสักกี่คนกันครับว่าก่อนหน้าที่จะกำเนิด เกิด กาแฟมวลชนนั้นทาง CP เองก็ได้มีการเปิดตัวร้านกาแฟและเบเกอรี่แบรนด์ใหม่อย่าง Bellinee ขึ้นมาแต่ทว่าก็ไม่รู้เเหมือนกันว่าชื่อของมันนั้นจะคุ้นหู คุ้นตา คอกาแฟในบ้านเรามากน่อยแค่ไหน

ร้าน Bellinee's Bake & Brew นั้นเป็นร้านกาแฟและเบเกอรี่ที่่ทาง CP เปิดขึ้นมาเพื่อหวังที่จะรุกตลาดกาแฟสดนอกร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 โดยมีการวาง Position ตัวเองเป็นร้านกาแฟและเบเกอรี่ระดับสวยหรู ไฮเอนด์ที่แตกต่างจากร้าน True Coffee และมีการนำเอาเบเกอรี่มาเสริมทัพโดยมีการแต่งร้านให้เป็นร้านสไตล์อิตาเลี่ยน



ระยะเวลาผ่านมาเกือบๆ จะ 5 ปีแล้วนับตั้งแต่ที่ร้าน Bellinee's Bake & Brew ได้ถือกำเนิดที่แมกซ์ แวลู ในโครงการพลาซ่า ลากูน วังหิน เมื่อปี 2555 แต่เราก็ต้องยอมรับครับว่าชื่อเสียงและค่านิยมของมันนั้นยังไม่คุ้นหูหรือติดตาตรึงใจคนรักกาแฟและเบเกอรี่มากพอที่จะให้จดจำและเรียกขานติดปากสักเท่าไหร่นัก ผมเองเชื่อว่าหลายคนที่ไปใช้บริการอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นร้านในเครือของ CP ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นการบ้านอันหนักของทีมการตลาดที่จะทำให้ร้าน Bellinee's Bake & Brew ติดปากผู้บริโภค โดยใช้แผนการหรือวิธีการใดที่นอกเหนือไปจากการขยายสาขาให้มากและล่าสุดเห็นว่าในปี 2560 นี้จะขยายตลาดไปตั้งในสถานที่ให้บริการน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันเหมือนอย่างที่ร้าน Cafe Amazon กำลังครอบครองอยู่ใน ตอนนี้



เรื่องของรสชาตินั้นผมมองว่าไม่ใช่ปัญหาของ Bellinee's Bake & Brew แต่ทว่าเรื่องการบริหารให้ขึ้นระดับ Top คนรู้จักติดปากนี่สิครับผมยังมองไม่เห็นทาง ลองคิดดูนะครับลำพังแบรนด์กาแฟของ CP เองปัจจุบันนี้ก็มีเยอะอยู่แล้ว จริงอยู่ครับที่ไม่ว่าลูกค้าไปซื้อแบรนด์ไหนรายได้ก็ไปเข้ายังส่วนกลางเหมือนกันในตอนท้ายสุดแต่ต้องอย่าลืมนะครับว่าบางครั้งการลองผิด ลองถูกด้วยการเปิดร้านกาฟทุกแบบ ทุก section เพื่อหาสิ่งที่ใช่ก็ทำให้เสียเวลาไปไม่น้อย สู้มาโฟกัส ร้านกาแฟแบบเดียวที่ตนเองคิดว่าได้เปรียบและเชี่ยวชาญน่าจะเป็นการตอบคำถามที่ดีที่สุด

แล้วเราจะมาดูกันครับว่าในปีหน้าร้าน Bellinee's Bake & Brew จะเป็นไปอย่างไร

                                                                                                                                   กาลาโต้
วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

10 เรื่องเด่นวงการกาแฟปี 2559 : ปีแห่งการ Drama



สวัสดีคนรักกาแฟทุกท่านครับ




ถือเป็นธรรมเนียมของ Blog เรื่องของคนรักกาแฟที่ทำมาหลายปีแล้วนั่นก็คือการจัดอันดับ 10 ข่าวสำคัญในแวดวงการกาแฟทั้งของในบ้านเราและต่างประเทศตลอดปีที่ผ่านมาซึ่งผมเองก็ต้องขอย้ำกันอีกครั้งนะครับว่าการจัดอันดับนี้เป็นการจัดแบบไม่มีการอ้างอิงอะไรทั้งสิ้นเรียกว่าจัดตามความคิดของผมดังนั้นจึงไม่สามารถเอาเป็นข้ออ้างอิงใดๆ ได้ เรียกว่าเอาไว้อ่านให้รู้ว่าปีที่กำลังจะสิ้นสุดนี้มีอะไรบ้าง ^^

สำหรับการจัดอันดับปีนี้จะแปลกไปกว่าทุกปีสักหน่อยนั่นก็คือหลังจากบทความจัดอันดับนี้ผมเองจะพุดถึงเรื่องแต่ละเรื่องที่ได้รับการจัดอันดับไล่ไปวันละ 1 เรื่องไล่ไปจากอันดับ 10 จนถึงอันดับ 1 ซึ่งใช้เวลา 10 วันจบที่สิ้นปีพอดิบ พอดี เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปดูกันดีกว่าครับว่าในปีนี้มีอะไรเกิดขึ้นกันบ้าง

อันดับที่ 10 ร้านกาแฟ Bellinee 



ชื่อของร้านกาฟ Bellinee หรือเบลลินี่นั้นเชื่อว่าไม่เป็นที่คุ้นหูคอกาแฟของไทยสักเท่าไหร่นักรวมไปถึงเชื่อว่าคนส่วนมากก็ยังไม่รู้ว่าร้าน Bellinee นั้นเป็นร้านกาแฟในการดำเนินงานของบริษัท CP All และล่าสุดเริ่มแผนการบุกเปิดร้านกาแฟในปั๊มท้าชนแบรนด์ใหญ่ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าจับตาเป็นอันมาก


อันดับที่ 9 Cafe Amazon เปิดสาขาแรกที่ประเทศญี่ปุ่น



จะว่าไปแล้วเรื่องของการเปิดสาขาในต่างประเทศของร้านกาแฟ Cafe Amazon นั้นมีมาหลายครั้งสักพักใหญ่แล้วครับแต่ว่าโดยมากมักจะเป็นการเปิดในประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ กับประเทศไทยแต่คราวนี้กระโดดไปถึงประเทศญี่ปุ่นจึงเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ


อันดับที่ 8 ร้านกาแฟกับ Application

 


ปี 2559 นี้ต้องน่าจะถือว่าเป็นอีกปีหนึ่งที่บรรดาร้านกาแฟใหญ่ๆ สำคัญๆ เริ่มที่จะปรับตัวเอาเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ในร้านมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของ Application ของทางร้านที่ Starbucks ได้นำมาใช้ในบ้านเราแล้วนั้น ทำให้ Cafe Amazon ถึงกับต้องทำออกมาบ้างและล่าสุดก็ทำให้ร้านกาแฟแบรนด์สีแดงในบ้านเรานั่งไม่ติดต้องออกอะไรแบบนี้มาบ้างทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่ามันจะเวิร์คหรือไม่


อันดับที่ 7 ศึก Drive Thru ในวงการกาแฟเริ่มขึ้นแล้ว




เมื่อพูดถึงการซื้อหรือสั่งอาหารแบบ Drive Thru หรือขับรถวนแล้วรับสินค้านั้นเชื่อว่าหลายคนคงจะคิดถึงแต่อาหาร Fastfood พวก KFC หรือไม่ก็ McDonald's แต่ใครจะไปเชื่อครับว่าตอนนี้ร้านกาแฟในบ้านเราเขามีการทำแบบ Drive Thru กันแล้วถือเป็นอีกตลาดหนึ่งที่น่าจับตามองครับ


อันดับที่ 6 ร้านกาแฟ (สยิว)




ในยุคที่เศรษฐกิจยังลูกผี ลุกคนทั้งโลกเช่นนี้ร้านค้าหลายๆ ร้านต้องปรับตัวหาทาง หาวิธีมาเรียกแขก เรียกลูกค้ากันซึ่งก็ไม่เว้นถึงร้านกาแฟครับที่ตอนนี้มีร้านกาแฟ (สยิว) ผุดขึ้นมาเรียกลูกค้าซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะโชคดีหรือโชคร้ายที่ในบ้านเราไม่มีร้านแบบนี้ ^^


อันดับที่ 5 เมื่อ CEO Starbucks จะเกษียณตัวเองในปีหน้า



ข่าวนี้เชื่อว่าน่าจะสร้างความช็อกให้กับวงการกาแฟสดและสาวกร้านกาแฟเงือกเขียวไม่น้อยเลยครับเมื่อมีข่าวว่าผู้ก่อตั้งร้านกาแฟ Starbucks จะลาออกในปีหน้า โดยที่หลายคนกังวลว่าวันที่ Starbucks ไร้เงาผู้ก่อตั้งจะเป็นไปในทิศทางใด


อันดับที่ 4 การมาแทน Nespresso ของ Dolce Gusto




ต้องยอมรับกันครับว่าในปีนี้ Nascafe Dolce Gusto เขาจัดหนักเสียจริง ทั้งโหมประโคมข่าว ทั้งจัดโปรโมชั่นมากมายเพื่อหวังจะมาแทนที่แชมป์เครื่องกาแฟ Home Use ในบ้านจากค่ายเดียวกันอย่าง Nespresso แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทำสำเร็จได้หรือไม่


อันดับที่ 3 กาแฟมีส่วนช่วยให้หูตึง??




เรื่องนี้ถือว่าน่าสนใจเพราะเชื่อว่าเรื่องราวของประโยชน์และโทษของกาแฟนั้นเขาได้มีการศึกษาค้นคว้ามาอย่างต่อเนื่องโดยตลอดและล่าสุดมีงานวิจัยว่ากินกาแฟมากๆ เสี่ยงต่อการ "หูดับ" จริงหรือไม่น่าสนใจมากครับ


อันดับที่ 2 ดราม่าร้านกาแฟคิดค่านั่งชั่วโมงละพัน




เรื่องนี้เป็นข่าวที่ครึกโครมอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ตและหน้าหนังสือพิมพ์กันพักใหญ่ๆ เลยครับกับข่าวที่มีคนนำเอาใบเสร็จมาโพสต์ว่าไปกินกาแฟที่ร้านกาแฟร้านหนึ่งพอเช็คบิลออกมามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 1 พันบาท เราจะมาย้อนอดีต รื้อความทรงจำกับข่าวที่ว่านี้กันครับ


อันดับที่1 ดราม่าลิขสิทธิ์ Youtube กับการเปิดเพลงในร้านกาแฟ




ถือเป็นข่าวท็อปที่สุดของวงการกาแฟและร้านอาหารในบ้านเราของปีก็ว่าได้ครับเพราะสืบเนื่องมาจาก่ามีการบุกจับเรื่องการเปิดเพลงในร้านอาหารหรืร้านกาแฟจึงทำให้มีคำถามและข้อสงสัยตามมาว่าเปิดได้หรือไม่และถ้าได้ขอบเขตของมันจะอยู่ที่ตรงไหน


เรื่องราวทั้งหมดนี้ทุกท่านสามารถติดตามแบบเจาะลึกได้ในวันต่อวันใน Blog เรื่องของคนรักกาแฟแห่งนี้ครับดังนั้นอย่าพลาดอ่างเด็ดขาดครับคุณผู้อ่านที่รัก


                                                                                                                           กาลาโต้
 
วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ เดอะซีรีส์


ทุกท่านครับ

       ถ้าจะมีหนัง ละคร หรือภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่งที่นักแสดงๆ ได้สมบทบาท มีความเหมือนจริงมากที่สุดแล้วล่ะก็ ผมเองคงจะต้องยกให้ละคร "เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ เดอะซีรีส์" ละครซีรีย์ของคนไทยที่ชื่อเรื่องมันสุดแสนจะธรรมดาๆ ไม่ได้มีความพิเศษหรือน่าสนใจอันใดแต่ทว่ามันเองกลับมีพลังที่ทำให้คนไทยรู้สึกซาบซึ้งไปกับมันเพราะผมเองเชื่อว่านักแสดงทุกคนที่ได้แสดงในเรื่องนี้มันไม่ได้คิดว่าทั้งหมดคือการแสดงแต่มันเป็นความรู้สึกที่แท้จริงที่กลั่นออกมาจากหัวใจของนักแสดงทุกคนโดยที่ไม่ต้องมีใครมาสั่งในทันทีที่ได้ยินคำว่า

"...ในหลวงสวรรคต..."


       "เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ เดอะซีรีส์" เป็นละครเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศ รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ที่ออกจะแปลกแหนวกว่าละครเทิดพระเกียรติเรื่องอื่นๆ ที่เคยมีมาและเชื่อว่าน่าจะเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจให้กับละครเทิดพระเกียรติเรื่องอื่นๆ นับต่อแต่จากนี้ไปโดยเป็นการนำเสนอเรื่องราวเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาติไทยในช่วง 10 วันแรกของการเสด็จสูสวรรคาลัยของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 อันป็นวันที่สำนักพระราชวังประกาศข่าวการสววรคตเรื่อยไปจนกระทั่งถึงวันที่ 22 ตุลาคม 2559 วันที่คนไทยทั้งประเทศมีโอกาสร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีครั้งที่ยิ้งใหญ่ที่สุดเพื่อเป็นการอาลัยพระองค์ ณ ท้องสนามหลวงโดยในช่วงเหตุการณ์แต่ละวันนั้นได้มีการบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเอาไว้ตามความเป็นจริงไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเคลื่อนขบวนพระศพจากโรงพยาบาลศิริราชสู่พระบรมมหาราชวัง การแตกแยก การแบ่งแยกทางความคิดกันในเรื่องของสีเสื้อ เรื่องราวของการทำดีเพื่อในหลวงด้วยการขับรถรับส่งเป็นพระราชกุศลฟรี และอื่นๆ อีกมากแต่เหนือสิ่งอื่นใดที่มีการสอดแทรกเอาไว้ในละครตลอดทั้งซีรีส์ก็คือคำสอนและคุณงามความดีอพระองค์ที่พระองค์ได้ปูทางเอาไว้มากว่า 70 ปีเพื่อให้คนไทยเราปฏิบัติตาม ดังนั้นถ้าหากจะบอกว่าละคร "เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ เดอะซีรีส์" เป็นจดหมายเหตุทางประวัติศาสตร์ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 9 เล่มหนึ่งก็คงจะไม่ผิดหรือเกินเลยสักเท่าไหร่นัก




       จุดหนึ่งที่ผมมองว่าเป็นที่น่าสนใจยิ่งนักก็คือในฉากที่นักโทษหรือผู้ต้องหาที่ทำความผิดและถูกขังตัวอยู่ในโรงพักถึงกับร้องไห้กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวเมื่อได้ข่าวการสวรรคตของพระองค์ ถ้าเป็นหนังหรือละครเรื่องอื่นๆ ผมเองอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจะมีสักกี่คนที่จะทำให้โจรหรือหัวขโมย คนทำผิดกฎหมายร้องไห้เสียใจต่อการจากไปได้ แต่สำหรับในหลวงพระองค์นี้ผมเองเชื่อว่าฉากนี้ได้เกิดขึ้นจริงหากคนๆ นั้นยังเป็นคนไทยและมีสายเลือดของความเป็นไทย

       แรกเริ่มเดิมทีผมเองมีความคิดว่าจะดูละครชุดนี้ให้จบรวดเดียวเลย 4 ตอนก่อนจะมาเขียนบทความนี้ให้ทุกท่านได้อ่านกันแต่ทว่าเมื่อดูไปได้เพียงแค่ 2 ตอนก็จำต้องหยุดและหันมาเขียนบทความนี้ให้จบเสียก่อนเพราะเนื่องจากว่าทุกฉากทุกตอนของละครนั้นมันมันเล่นเอาผมจุกอก พาลน้ำตาจะไหลเป็นระยะๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าถ้าดันทุรังต่อไปต่อมน้ำตาของผมคงจะไหลจนไม่สามารถมองหน้าจอเพื่อพิมพ์บรรยายบทความในตอนนี้ออกมาได้

       ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับเพราะผมเองและนักแสดงกว่าร้อยชีวิตในเรื่องนี้รวมไปถึงคนดูทั่วทั้งประเทศ เราทุกคน "เกิดในรัชกาลที่ 9" ได้ผ่านและพบเจอเหตุการณ์เหล่านี้มาด้วยกัน ดังนั้นมันจึงให้ความรู้สึกที่สะท้อนใจทุกครั้งเมื่อได้ดูละครชุดนี้




ท้ายที่สุดนี้ผมเองคงจะไม่บอกให้ทุกคนต้องดูละครชุดนี้หรอกครับเพราะผมเชื่อว่าประชาชนในรัชกาลที่ 9 คงจะไม่พลาดกันอยู่แล้วที่ผมอยากจะบอกก็คืออยากให้นำเอาคำสอนและพระบรมราโชวาทของพระองค์มาปรับใช้กับตัวเรา ให้สมกับที่ว่าเรานั้น เกิดในรัชกาลที่ 9 และเป็นประชากรของพระองค์

                                                                                                                                                                                                           กาลาโต้


วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

พาชมร้าน Cafe Amazon ที่ประเทศญี่ปุ่น "สวย ดูดี มีชาติตระกูล!"



สวัสดีคอกาแฟทุกท่านครับ

หากใครที่ติดตามเรื่องราวของร้านกาแฟแบรนด์ไทยที่กำลังรุกตลาดสยายปีก ขยายสาขาบุกตลาดกาแฟสดต่างประเทศอย่าง Cafe Amazon มาโดยตลอดแล้วล่ะก็คงพอที่จะทรายว่าดีว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์ประเทศหนึ่งที่ทาง Cafe Amazon จะเข้าไปเจาะตลาดและในวันนี้ Cafe Amazon ก็ได้ทำตามที่พูดให้เกิดขึ้นจริงแล้วครับด้วยการเปิดร้าน Cafe Amazon เป็นสาขาแรกที่จังหวัดฟูกุชิมะ ของประเทศญี่ปุ่นสถานที่ๆ ห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะไปประมาณ 20 กิโลเมตรและถือฤกษ์เบิกชัยเปิดร้านไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมานี้


สำหรับร้าน Cafe Amazon สาขาฟูกุชิมะนี้ บริหารงานโดยบริษัทโคโดโม เอเนอร์จี ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างที่มีสำนักงานใหญ่ในโอซากาและได้เปิดโรงงานแห่งหนึ่งในคาวาอุชิเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยทางบริษัทโคโดโม เอเนอร์จี เองได้ทำสัญญาซื้อแฟรนไชส์กับบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน)ของไทย ซึ่งเป็นเจ้าของแฟรนไชส์อเมซอนและได้ใช้งบประมาณหลายสิบล้านเยน เพื่อใช้ในการปรับปรุงโฉมจากบ้านโบราณแบบญี่ปุ่นให้กลายเป็นร้านกาแฟ Cafe Amazon ที่มีโต๊ะและเก้าอี้ 60 ที่ ส่วนจะสวยงาม น่านั่ง แค่ไหน เราไปดูจากคลิปที่ทางญี่ปุ่นเขานำเสนอกันดีกว่าครับซึ่งดูแล้วบอกเลยครับว่า Cafe Amazon บ้านเรา "ชิดซ้าย" ไปเลย


                                                                                                                                   กาลาโต้
วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

"คุณภาพหรือปริมาณ???"



คนรักกาแฟและคอกาแฟทุกท่านครับ

หากจะพูดถึงเรื่องของข่าวคราว ความเคลื่อนไหวของแวดวงกาแฟเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้เชื่อว่าคงไม่มีข่าวไหนที่จะเด่นไปกว่าเรื่องของแคมเปญการตลาดระหว่างร้านกาแฟแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Starbucks และร้านกาแฟแบรนด์ไทยที่ขยายสาขาแบบเรียกว่าต่อเนื่องไปทุกๆ วันอย่าง Cafe Amazon ที่เริ่มแรกเป็นเพียงแค่บทความที่เขียนลงในเว็บ Smart SME ที่มีการพูดถึงเรื่องของแคมเปญดังในต่างประเทศที่ครั้งหนึ่งร้านโดนัทระดับโลกอย่าง Dunkins Donuts เคยนำมาใช้อย่างห้าวหาญนั่นก็คิอแคมเปญ #dunkinsbeatstarbuck พร้อมกับผู้เขียนได้ลองนำเอาแคมเปญดังกล่าวมาลองทำและนำเสนอในบ้านเรานั่นก็คือ #amazonbeatstarbuck โดยมีการพูดถึงเรื่องของการเติบโตของร้าน Cafe Amazon และการเติบโตของกาแฟแบรนด์ไทย (อ่าน : แคมเปญการตลาดกาแฟดุเดือด #amazonbeatstarbucks Amazon โค่น Starbucks )




และแน่นอนครับว่าผ่านพ้นไปไม่เท่าไหร่ เจ้า Topic เรื่องที่ว่านี้ก็ไปโผล่ยังเว็บไซต์แสดงความคิดเห็นชื่อดังของไทยอย่าง pantip ทันทีโดยมีคนไปตั้งหัวข้อว่า "ทำไม กาแฟAmazon(สัญชาติไทย)1,700สาขา ถึงยังสู้ สตาร์บัค(starbucks) ของเมกายังไม่ได้" โดยมีการ quote ข้อความจากบทความต้นฉบับมาโพสต์ไว้ซึ่งก็แน่นอนครับว่าคำตอบทีไ่ด้นั้นมันมีมากมายแตกต่างกันออกไป


จากการที่ผมได้อ่านบทความในแหล่งข้างต้นและอ่านคอมเมนต์หรือความคิดเห็นในเว็บบอร์ดชื่อดังทำให้ผมเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าท้ายที่สุดแล้วความสำเร็จของร้านกาแฟที่แท้จริงนั้นมันอยู่ที่ "ปริมาณหรือคุณภาพ" กันแน่



ในวงการธุรกิจอื่นๆ อาจจะวัดความสำเร็จของธุรกิจด้วยปริมาณสาขาที่แผ่ขยายแพร่กระจายออกไปเรียกว่ายิ่งมีสาขามากยิ่งดี ยิ่งมีสาขาเยอะยิ่งประสบความสำเร็จแต่สำหรับวงการกาแฟแล้ว "สาขาที่มาก" อาจจะไม่ใช่ตัววัดหรือตัวบ่งชี้ความสำเร็จหรือความนิยมเสมอไป

มีหลายคนที่พูดตรงกันว่ารสชาติกาแฟของแบรนด์นกแก้วนั้นยังไม่คงที่ สั่งแต่ละที่ แต่ละสาขาแม้ว่าจะเป็นกาแฟชนิดเดียวกันแต่รสชาติกลับไม่เหมือนกัน แม้แต่ว่าสาขาเดียวกันแต่สั่งคนละวันรสชาติก็ยังไม่เหมือนกัน บางคนก็ว่าร้านกาแฟแบรนด์นางเงือกขายความเป็น Experience หรือความเป็นประสบการณ์ร่วมระหว่างร้านกาแฟกับคนที่รับประทานกาแฟจนทำให้ร้านกาแฟเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สามของผู้ดื่มกาแฟ และยังมีอื่นๆ อีกมากมายที่คอกาแฟต่างไปแสดงความคิดเห็น



ในเรื่องนี้ผมเองก็ไม่อาจจะบอกหรือตอบได้ครับว่าร้านกาแฟแบรนด์ไทยจะก้าวไปตีตลาดเทียบเคียงกาแฟแบรนด์นอกที่มี Story อันยาวนานได้หรือไม่เพราะกาแฟแต่ละแบรนด์ก็ย่อมต้องมีกลยุทธและวิธีการทำการตลาดของตนเอง คงไม่มีใครที่ทำธุรกิจแล้วอยากเป็นรองคนอื่นหรอกครับหากแต่ผมมองว่าบางครั้งการที่จะก้าวไปเป็นที่หนึ่งได้นั้นบางครั้งมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องแข่งกับคนอื่นเสมอไปครับเพราะถ้าหากเราแข่งขันกับตัวเอง พัฒนาสิ่งที่ตนเองมีอยู่ให้ดีขึ้น ฟังความคิดเห็นของลูกค้าที่มาร่วมแชร์และแบ่งปันประสบการณ์แล้วล่ะก็ในที่สุดแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นเป็นแบรนด์หนึ่งในตลาดแต่ทว่ามันเองก็อาจจะขึ้นเป็นแบรนด์หนึ่งในใจคนกินกาแฟก็เป็นได้ครับ

                                                                                                           กาลาโต้
วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

สิ่งที่บาริสต้าอยากให้คุณรู้

เบื้องหลังกาแฟแก้วหอมกรุ่น และบรรยากาศน่านั่ง “บาริสต้า” ผู้เสิร์ฟเครื่องดื่มดีๆ ให้กับคุณ มีอะไรอยากจะบอก

เรื่องนี้...บาริสต้าขอ


1. ตอนสั่งกาแฟ หลีกเลี่ยงการสั่งกาแฟเป็นภาษาสตาร์บัค หากคุณไม่ได้อยู่ร้านสตาร์บัค ขอให้ใช้คำศัพท์ทั่วไป และหากเป็นไปได้ อย่าก้มหน้าดูมือถือเช็คเฟสบุค ขณะที่กำลังสั่งกาแฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีคนยืนต่อคิวคุณอยู่

2. ตอนรอเครื่องดื่ม กาแฟเป็นเรื่องของศิลปะ จึงต้องใช้เวลาในการชงและประดิษฐ์ ขอให้ลูกค้าอดทนรอกันหน่อย นอกจากนี้บาริสต้าก็อยากคุยกับลูกค้าทุกคน แต่ถ้าในขณะนั้นมีออเดอร์เยอะ ก็อาจจะต้องก้มหน้าก้มตาชงกาแฟอย่างเดียว

3. หากบาริสต้าชงผิด กาแฟในมือคุณไม่ได้มีรสชาติหรือสเปคอย่างที่คุณสั่ง คุณสามารถนำกลับไปให้บาริสต้าชงใหม่ได้ ดีกว่าที่จะเดินออกจากร้านไปแล้วบ่น โดยที่บาริสต้าไม่รู้อะไรเลย
4. คำขอบคุณของลูกค้ามีความหมายเสมอ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่บาริสต้ายุ่งมากๆ ก็ตาม พวกเขาก็ยังอยากได้ยินคำขอบคุณจากคุณ

5. นั่งนาน หากคุณตั้งใจจะใช้เวลาที่ร้านเป็นเวลานาน ช่วยสั่งเครื่องดื่มทางร้านบ้างจะดีมากๆ

6. ทิปส์และการจ่ายเงิน การให้ทริปกับบาริสต้าช่วยให้พวกเขามีกำลังใจทำงานอีกเยอะเลย

7. สเปคกาแฟแบบละเอียดยิบ เช่น กาแฟร้อนที่ 178 องศา อาจทำให้บาริสต้างง และทำได้เพียงแค่ใช้น้ำร้อนมากในการชงเท่านั้น

8. แก้วเซรามิค หากคุณวางแผนไว้ว่าจะนั่งที่ร้านเป็นเวลานาน บาริสต้ายินดีจะเสิร์ฟกาแฟในแก้วเซรามิคให้ ลูกค้าจะได้เอ็นจอยกับรสชาติกาแฟมากกว่า แถมทางร้านก็ได้ลดขยะด้วย

9. บาริสต้ากังวลเมื่อไม่เห็นคุณ เมื่อคุณเป็นลูกค้าประจำของร้านกาแฟ แต่ไม่ได้แวะไปที่ร้านเหมือนทุกๆ วัน บาริสต้าจะเริ่มกังวลว่าคุณหายไปไหน

จะว่าไปแล้ว บาริสต้าเป็นงานที่ไม่ง่าย เพราะเท่ากับว่าต้องทำทั้งงานศิลปะ และงานบริการในคราวเดียว ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณแวะร้านกาแฟ หลังจากชิลล์กับเครื่องดื่มผสมคาเฟอีนหอมกรุ่น และพร้อมนอนดึก เพื่อบันเทิงไปกับ M88  แล้ว อย่าลืมมอบรอยยิ้มและมิตรภาพให้กับพวกเขา การให้ความร่วมมือ และเป็นลูกค้าที่น่ารัก ก็จะช่วยให้บาริสต้ามีกำลังใจในการทำงาน และชงกาแฟรสชาติดีให้กับคุณได้อีกเยอะ


วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

ในหลวงกับวงการกาแฟไทย ธ เสด็จไกลกันดาร เพื่อกาแฟเพียงต้นเดียว



คนรักกาแฟทุกท่านครับ

วันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมาเป็นวันแห่งความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของคนไทยทุกคนอีกครั้งหนึ่งเมื่อข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร หรือที่เราคนไทยเรียกพระองค์อย่างสั้นๆ ว่า "ในหลวง" ได้ปรากฎขึ้นทำให้คนไทยทั้งประเทศรวมไปถึงผู้ที่จงรักภักดีต่อพระองค์จากทั่วโลกต่างแสดงความเศร้าโศกเสียใจด้วยเพราะพระองค์นั้นเป็นผู้ที่ทรงคุณประโยชน์นานับประการให้กับประเทสและพสกนิกรของพระองค์อย่างแท้จริง ทางเพจและทาง Blog "เรื่องของคนรักกาแฟ" ขอกราบแทบฝ่าพระบาทส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร

เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติของพระองค์ในบทความตอนนี้กระผมขอนำเสนอพระราชกรณียกิจหนึ่งของพระองค์ที่ก่อให้เกิดคุณูปการต่อวงการกาแฟของไทยนั่นก็คือเรื่องของ "ในหลวงกับวงการกาแฟไทย"

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ พุทธศักราช 2517 โดยพล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร เล่าไว้ในหนังสือ "รอยพระยุคลบาท บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร" ความตอนหนึ่งว่า



“ในท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่สับสนและวุ่นวายในปลายปีพุทธศักราช ๒๕๑๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้งมวลเป็นปกติโดยไม่ทรงหวั่นไหว โดยเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ ตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ที่เชียงใหม่ และเสด็จออกเยี่ยมเยียนราษฎรทั้งราษฎรชาวเขาเผ่าต่างๆ กับประชาชนซึ่งอยู่ในที่ราบลุ่มตามที่ทรงปฏิบัติเสมอมาทุกปี ครั้งนั้นเจ้าอยู่หัวทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง ซึ่งทรงกระทำเช่นนี้เป็นปกติ ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งฝ่าฝุ่นแดงและความลุ่มดอนของถนนในสมัยนั้นออกเยี่ยมราษฎรอีกหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่

ในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๑๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จฯ เสด็จไปเยี่ยมเยียนราษฎรซึ่งเป็นชาวเขาบนดอยอินทนนท์ ในการทรงเยี่ยมเยียนราษฎรชาวเขาครั้งนี้ หลังจากเสด็จด้วยรถยนต์พระที่นั่งทรงเยี่ยมชาวเขาเผ่าม้งที่บ้านขุนกลาง ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง แล้ว 


พระองค์และสมเด็จฯ ยังได้เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาท ไปตามไหล่เขาที่สูงบ้างต่ำบ้างเป็นระยะทางประมาณ ๓ กิโลเมตร เพื่อทรงเยี่ยมชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่บ้านอังกาน้อย และทรงพระดำเนินต่อไปอีก 2 กิโลเมตร เพื่อพระราชทานไก่พันธุ์โร้ดไอส์แลนด์เร็ดและผ้าห่มให้แก่ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่บ้านท่าฝั่งเช่นเดียวกับที่บ้านอังกาน้อย


ต่อจากนั้นยังทรงพระดำเนินต่อไปอีกประมาณหนึ่งกิโลเมตร จนถึงไร่กาแฟที่ราษฎรชาวกะเหรี่ยงปลูกไว้ รวมเป็นระยะทางที่ทรงพระดำเนินทั้งสิ้นในบ่ายวันนั้นประมาณ ๖ กิโลเมตร เพื่อทอดพระเนตรไร่กาแฟที่มีต้นกาแฟให้พระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเพียงต้นเดียว 

เสร็จจากการทอดพระเนตรต้นกาแฟต้นเดียวแล้ว พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จฯ ยังต้องทรงพระดำเนินกลับออกไปยังรถยนต์พระที่นั่งที่จอดไว้ที่แยกปากทางเข้าบ้านอังกาน้อย รวมเป็นระยะทางที่เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาทในวันนั้นประมาณ ๑๒ กิโลเมตร แล้วพระเจ้าอยู่หัวยังต้องทรงขับรถยนต์พระที่นั่งกลับด้วยพระองค์เองอีกจนถึงพระตำหนักด้วย..."

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้สร้างความสงสัยให้กับคณะและผู้ที่ติดตามพระองค์เป็นอันมากว่าเหตุไฉนพระองค์จึงต้องทรงดั้นด้นเดินทางเป็นระยะทางไกลมากมายขนาดนั้นเพื่อไปทอดพระเนตรเพียงแค่ต้นกาแฟต้นเล็กๆ ต้นเดียวซึ่งพระองค์ก็น่าจะทราบความฉงนสงสัยที่ว่านี้จึงได้มีพระราชกระแสกับข้าราชบริพาร ที่อยู่ในขบวนเสด็จฯ ที่ไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของพระองค์ ด้วยพระสุรเสียงที่เปี่ยมไปด้วยพระเมตตาว่า



"...แต่ก่อนเขาปลูกฝิ่น เราไปพูดจาชี้แจง ชักชวนให้เขามาลองปลูกกาแฟแทน กะเหรี่ยงไม่เคยปลูกกาแฟมาก่อน ยังดีที่กาแฟไม่ตายเสียหมด แต่ยังเหลืออยู่หนึ่งต้นนั้น ต้องถือว่าเป็นความก้าวหน้า สำหรับกะเหรี่ยง... จึงต้องเสด็จฯ ไปทอดพระเนตร จะได้แนะนำเขาต่อไปว่า ทำอย่างไรกาแฟ จึงจะเหลืออยู่มากกว่าหนึ่งต้น"

ปรากฏว่าปีต่อมา ราษฎรชาวกะเหรี่ยง ดอยอินทนนท์ขายกาแฟ ได้เป็นเงินต่อไร่ต่อปี สูงกว่าที่เคยขายฝิ่นได้ และนับแต่นั้นเป็นต้นมาบรรดาชาวเขาก็ได้ร่วมมือกันกับภาครัฐเริ่มต้นปลูกและพัฒนาเมล็ดกาแฟกันอย่างจริงจังจนทใำห้กาแฟของไทยมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกดังเช่นทุกวันนี้แถมยังเป็นการช่วยกำจัดการปลูกฝิ่นในบ้านเราและสร้างอาชีพให้กับชาวเขาและชาวบ้านสืบไป จึงนับเป็นพระราชกรณียกิจอันยิ่งใหญ่สำหรับชาวไทยภูเขาและชาวบ้านในถิ่นทุรกันดารที่คนไทยทั่วประเทศและทั่วโลกมิเคยลืมเลือน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

                                                                                                                   กาลาโต้
วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

เคล็ดลับความเข้มของกาแฟ All Cafe ที่ 7 Eleven

คนรักกาแฟทุกท่านครับ

เคล็ดลับความเข้มของกาแฟ All Cafe ที่ 7 Eleven



เมื่อพูดถึงกาแฟสดที่ขายกันอยู่ในร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง อย่าง 7-Eleven แล้วล่ะก็เชื่อว่าคอกาแฟสดทั้งหลายคงจะทราบดีว่ามีอยู่ 2 แบรนด์ด้วยกันนั่นก็คือ Kudsan (คัดสรร) และ All Cafe (ออลคาเฟ่) ซึ่
ความแตกต่างของทั้งสองแบรนด์นี้เป็นที่รู้กันครับว่าอยู่ที่กรรมวิธีการชงโดยถ้าหากว่าเป็น Kudsan นั้นจะเป็นการใช้พนักงานชงโดยเริ่มตั้งแต่การบดเมล็ด การกดผงกาแฟ การชง ในขณะที่ All Cafe เองนั้นกรรมวิธีส่วนใหญ่จะผ่านเครื่องชงกาแฟสดกึ่งอัตโนมัติดังนั้นจึงทำให้เกิดความแตกต่างที่เด่นชัดอย่างหนึ่งนั่นก็คือเรื่องรสชาติโดยหลายคนที่ได้ลิ้มลองกาฟทั้งสองแบรนด์นี้ส่วนใหญ่จะพูดตรงกันว่ากาแฟ All Cafe รสชาติจะอ่อนกว่า Kudsan ซึ่งก็ต้องยอมรับครับว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ



แต่ทว่ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คอกาแฟสดของแบรนด์ทั้งสองโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ชอบกินกาแฟเข้มๆ แต่ต้องอาศัยฝากปากท้องไว้กับ All Cafe ยังไม่รู้นั่นก็คือเราสามารถทำให้กาแฟ All Cafe นั้นมีรสชาติที่เข้มขึ้นได้ครับด้วยการสั่งให้พนักงาน "เพิ่มช็อต" ให้ซึ่งหลายคนไม่รู้จริงๆ ครับว่ากาแฟของ All Cafe นั้นสามารถสั่งให้เพิ่มช็อตได้โดยจะมีแบ่งเป็น 2 ช็อตและ 3 ช็อตครับแต่ผมแนะนำว่าเอาแค่เพิ่มช็อตธรรมดาก็พอครับรับรองเข้มข้นขึ้นถึงใจอย่างแน่นอนซึ่งการเพิ่มช็อตนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาครับนั่นก็คือ 15 บาทซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบกับกาแฟของ Kudsan แล้วราคาก็จะใกล้เคียงกันมากครับ

ที่พูดมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การนำเสนออีกแง่มุมหนึ่งของกาแฟ All Cafe ที่ยังไม่รู้หรือยังมีคนรู้น้อยเท่านั้นครับส่วนจะเลือกใช้บริการหรือไม่หรือเลือกที่จะไปกินกาแฟแบรนด์อื่นก็แล้วแต่ท่านจะเห็นควรและพิจารณาเลือกตามความชอบครับผม

                                                                                                                    กาลาโต้
วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

เรื่องน่ารู้ : เคยเป็นไหมกินกาแฟแล้วง่วงนอน


สวัสดีคนรักกาแฟทุกท่านครับ

ผมเองเชื่อเหลือเกินครับว่าแทบจะทุกคนบนโลกนี้ที่รู้ซึ้งถึงสรรพคุณของกาแฟว่ามันนั้นมีสารคาเฟอีนที่ทำให้ลดอาการง่วงนอนและช่วยให้ร่างกายตื่นตัวได้แต่ในขณะเดียวกันก็น่าจะมีคอกาแฟหลายท่าน (ซึ่งก็รวมถึงตัวของผมเอง) ที่เกิดพฤติกรรมหรือการกระทำที่ค่อนข้างแปลกแยกไปจากสิ่งที่ว่ามาข้างต้นนั่นก็คือยิ่งกินกาแฟยิ่งนอนหลับแถมยังหลับลึก หลับสบาย ตลอดทั้งคืนเสียด้วยเรียกว่าแทนที่จะกระตุ้นประสาทกลายเป็นระงับประสาทไปได้เสียนี่ซึ่งเรื่องที่ว่านี้นั้นเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนทั่วโลกดังนั้นในวันนี้เรามาดูถึงสาเหตุกันดีกว่าครับว่าทำไมคนบางคนเมื่อกินกาแฟแล้วจึงหลับสบายแทนที่จะกระตุ้นให้ตื่นตลอดคืน



รายงานการวิจัยในเรื่องของการดื่มกาแฟแล้วหลับจากต่างประเทศนั้นเขาระบุเอาไว้ครับว่าในร่างกายของคนเรานั้นมันจะมีต่อมรับคาเฟอีน (บางที่ก็อาจจะเรียกว่าตัวรับ) ที่ไม่เท่ากันบางคนนั้นซึ่งในกรณีที่คนที่รับประทานกาแฟนั้นรับประทานกาแฟนปริมาณที่มากกว่าปริมาณของตัวรับที่มีเจ้าสารคาเฟอีก็จะทำให้เกิดอาการตื่นตัว ตาค้าง กระตุ้นประสาทแต่ในขณะเดียวกันในกรณีที่เรารับประทานกาแฟที่มีสารคาเฟอีนน้อยกว่าปริมาณตัวรับในร่างกายของเรามันก็จะทำให้ได้ผลที่ตรงกันข้ามครับคือจะเกิดอาการง่วง หงาว หาวนอน และทำให้หลับสบายในที่สุด



นอกจากนี้เรื่องของน้ำที่ใช้ในการชงกาแฟก็มีผลด้วยเช่นกันครับโดยถ้าหาว่าน้ำร้อนที่เราใช้ในการชงกาแฟนั้นหากเป็นน้ำที่มีจุดเดือดหรือความร้อนที่ไม่ร้อนพอซึ่งโดยมากแล้วการชงกาแฟให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดนั้นอุณหภูมิของน้ำต้องอยู่ที่ประมาณ 94 องศาเซลเซียสขึ้นไป ซึ่งการที่น้ำไม่ร้อนพอนั้นก็จะทำให้สารคาเฟอีนในกาแฟไม่แตกตัวซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ทานกาแฟแล้วหลับด้วยเช่นกันเพราะสารเคเฟอีนนั้นไม่สามารออกมาทำหน้าที่ของมันได้เต็มที่นั่นเองครับ

นี่แหละครับเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลที่ว่าเหตุใดทานกาแฟแล้วจึงง่วงและหลับ หวังว่าทุกท่านคงจะพอเข้าใจกันนะครับ สวัสดีครับ

                                                                                                                         กาลาโต้
วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

พฤติกรรมยอดแย่ที่ลูกค้าทำกับร้านกาแฟสาธารณะ!!




สวัสดีคนรักกาแฟทุกท่านครับ

สำหรับบทความในตอนนี้อาจจะดูดราม่าสักหน่อยแต่ทว่ามันก็เป็นเรื่องจริงที่ผมเองเชื่อว่าเจ้าของร้านกาแฟแทบจะทุกร้านอาจจะเคยเจอกับพฤติกรรมของลูกค้าที่ต้องใช้คำว่า "แย่" ไม่เหมาะสมกับร้านกาแฟสาธารณะสักเท่าไหร่แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าลูกค้าจะทำกิริยามารยาท "แย่" ขนาดไหนก็คงน่าจะไม่เคยเจอเหมือนกับแฟนเพจ "เรื่องของคนรักกาแฟ" ท่านหนึ่งที่ไปเจอมากับตัวและนำภาพลงมาโพสต์ที่ facebook ส่วนตัวของตนเองและขอให้เราพูดถึงเรื่องนี้เพื่อบอกให้สาธารณะชนได้รับทราบกัน เอาครับเมื่อขอมาก็จะจัดให้ครับ


เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นมาจากการที่เจ้าของโพสต์นั้นได้ไปทำธุระที่ห้างสยามพาราก้อน ห้างสรรพสินค้าที่เราทราบกันดีว่าเป็นห้างสรรพสินค้าค่อนข้างระดับ Hi End ซึ่งแน่นอนครับว่าร้านกาแฟที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้แต่ละร้านก็น่าจะมีคลาสมีระดับ สนนราคากาแฟต่อแก้วก็น่าจะสูงพอสมควรซึ่งเจ้าของโพสต์เองก็ได้เลือกที่จะเข้าร้านกาแฟร้านหนึ่งเพื่อจิบกาแฟ

หลังจากที่นั่งรอกาแฟได้สักพักเจ้าของโพสต์ก็เหลือบไปเห็นคนที่นั่งกินกาแฟที่อยู่โต๊ะถัดไปซึ่งแต่งตัวภูมิฐานน่าจะมีหนาที่การงานและมีหน้ามีตาทางสังคมและอาชีพในระดับหนึ่งกำลังทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะนำมาปฏิบัติในสถานที่สาธารณะอย่างร้านกาแฟนี้ได้นั่นก็คือการยกขามาพาดบนโต๊ะที่ใช้สำหรับวางแก้วกาแฟและอาหารราวกับว่าอยู่ที่บ้านตัวเองซึ่งมันก็ไม่ใช่แค่เพียงว่ายกขึ้นวางและยกลงนะครับแต่ยังแช่ไว้อย่างนั้นเป็น 5 นาที 10 นาที

จากพฤติกรรมดังกล่าวเชื่อว่าถ้าใครเห็นก็น่าจะคิดเช่นเดียวกันกับผมและเจ้าของโพสต์คือ "ไม่เหมาะสม" อย่างรุนแรงและก็คงไม่มีใครคิดที่จะชื่นชมอย่างแน่นอน อย่าลืมนะครับว่าร้านกาแฟเป็นที่สาธารณะถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเห็นก็ตามแต่อย่างน้อยเราเองก็ควรที่จะให้เกียรติสถานที่ ไม่ควรทำกิริยามารยาทเช่นนั้นเพราะจะทำให้ให้คนว่าเอาและพูดถึงมารยาทและสันดานของคนที่แสดงออกในทางลบได้ครับ

ก็ฝากเอาไว้ละกันครับสำหรับวันนี้สวัสดีครับ

                                                                                                                                                                                                    กาลาโต้
วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

คุณเลือกร้านกาแฟจากอะไร???

สวัสดีคนรักกาแฟทุกท่านครับ

ที่ผมจั่วหัวเรื่องมาเช่นนี้เชื่อว่าน่าจะเป็นคำถามที่ไม่ว่าจะเป็นตัวของผู้ที่ชื่นชอบในการรับประทานกาแฟเองหรือแม้แต่กระทั่งเจ้าของร้านกาแฟที่ทำธุรกิจร้านกาแฟน่าจะเคยคิดถามตัวเองอยู่เสมอๆ ว่าเวลาที่เราจะทานกาแฟที่ร้านสักร้านหนึ่งเราจะตัดสินใจว่าจะทานกาแฟรัานนั้นๆ จากอะไร โดยทางเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง pantip.com เองเขาก็มีการตั้งกระทู้เรื่องที่ว่านี้เอาไว้ด้วยซึ่งผมมองว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆ ท่านจึงได้นำเอามาให้ได้อ่านกันเพื่อให้เกิดไอเดียและแนวคิดสำหรับผู้ที่คิดจะเปิดร้านกาแฟ ส่วนใครที่เปิดร้านกาแฟอยู่แล้วก็จะได้เอาความเห็นเหล่านี้ไปปรับปรุงร้านกาแฟของตัวเองให้ดีให้มีลูกค้ามากมาย ส่วนรายละเอียดของกะทู้มีว่าอย่างไรนั้นเชิญติดตามอ่านกันได้เลยครับ

(คลิกที่ภาพเพิ่อขยายใหญ่)











                                                                                                                     กาลาโต้

ที่มา : http://pantip.com/topic/35535814






วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

Go Inter!!! PTT ขายสิทธิ์แฟรนไชส์ “Cafe Amazon” ให้แดนอาทิตย์อุทัย!


นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า วันนี้บริษัทได้ลงนามการขายสิทธิ์แฟรนไชส์คาเฟ่อเมซอน สาขาแรกในจังหวัดฟุคุชิม่า ประเทศญี่ปุ่น ให้กับบริษัท Codomo Energy จำกัด ซึ่งนับเป็นก้าวแรกที่สำคัญและเป็นโอกาสของคาเฟ่อเมซอน ในตลาดกาแฟสดในประเทศญี่ปุ่น

“ประเทศญี่ปุ่นเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง กลุ่มผู้บริโภคมีความหลากหลาย รวมถึงยังเป็นผู้กำหนดเทรนด์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน การที่จะเจาะตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และการยอมรับในญี่ปุ่น ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมากสำหรับ ปตท. ซึ่งการขายสิทธิ์แฟรนไชส์ในครั้งนี้”นายอรรถพล กล่าว

นายอรรถพล กล่าวว่า ปตท.ได้ร่วมมือกับ Codomo Energy ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสีเขียวด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรม CSR รวมถึงสนับสนุนการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับชาวญี่ปุ่น ในขณะที่ปตท.ก็มีความตั้งใจที่จะร่วมดูแลสังคมด้วยการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพของเอสเอ็มอี ผ่านเครือข่ายธุรกิจน้ำมัน ปตท. มีอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงคาเฟ่อเมซอน ที่ได้ส่งเสริมอาชีพเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟทางภาคเหนือของประเทศให้มีรายได้ที่มั่นคงและพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืนเป็น

นอกจากจะเป็นการจับมือระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความสนใจและเป้าหมายที่เหมือนกันแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ทั้ง 2 องค์กร จะได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอด ยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าและบริการต่อไปในอนาคต

“นับเป็นอีกความมุ่งมั่นของปตท. ในสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทย ด้วยการสร้างแบรนด์ของคนไทยเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ ด้วยการเพิ่มทางเลือกให้ชาวญี่ปุ่น รวมถึงชาวต่างชาติ ที่เข้าไปท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น ได้สัมผัสรสชาติอันเข้มข้นของกาแฟสดรสชาติแบบไทย ๆ ที่คาเฟ่อเมซอน ได้ตั้งใจคัดสรรในทุกวัตถุดิบและใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิตจนถึงมือผู้บริโภคในราคาที่เข้าถึงได้” นายอรรถพล กล่าว

ปัจจุบันมีสาขาคาเฟ่อเมซอน 35 แห่งในต่างประเทศ
ที่มา : SmartSME.TV
วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

Ristr8to : "เพราะการเป็นแชมป์ไม่ใช่เรื่องง่าย!!"

สวัสดีคนรักกาแฟทุกท่านครับ



ต้องสารภาพตามตรงว่าหนังสือ "Restr8to" ที่ผมนำมารีวิวในบทความตอนนี้เป็นหนังสือที่ค้างมาจากการซื้อในงานสัปดาห์หนังสือเมื่อปีที่ผ่านมาพอได้มาก็วางเอาไว้ไม่ได้สนใจจนกระทั่งช่วงนี้พอมีเวลาว่างจึงได้หยิบขึ้นมาอ่านจึงได้รู้ว่า "พลาดอย่างแรง" ที่ไม่ได้อ่านตั้งแต่ตอนต้นเพราะหนังสือเล่มนี้นั้นถือเป็นยาชูกำลังและสร้างกำลังใจให้กับผู้ที่มีความฝันเป็นอย่างดี

เมื่อเราพูดถึง Barista เชื่อว่าคอกาแฟทุกคนย่อมจะรู้ดีว่าหมายถึงพนักงานชงกาแฟแต่จะมีสักกี่คนกันครับที่รู้ว่า Barista นั้นต้อง "มี" อะไรที่มากกว่าการชงกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นความรู้เรื่องกาแฟ ทักษะในการชงกาแฟ วิธีในการทำ Latte Art วิธีการจัดการกับลูกค้านานาประเภทและที่สำคัญที่สุดคือ "ต้องมีความฝัน"!!!



ผมรู้ดีครับว่าการที่คนตัวเล็กๆ สักคนหนึ่งจะฝันใฝ่ว่าอยากเป็นนักชงกาแฟหรือบาริสต้าระดับโลกมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะทุกอย่างในโลกนี้ "มันไม่มีอะไรที่ง่ายดายไปเสียทุกอย่าง" แต่เชื่อไหมครับว่าความฝันและความพยายามอย่างยิ่งยวดนั้นจะกลายเป็นแรงผลักดันให้คนๆ หนึ่งได้ก้าวขึ้นมาจนกระทั่งกลายเป็นแชมป์ลาเต้อาร์ตลำดับที่ 6 ของโลกและนี่คือเรื่องราวของ "อานนท์ ฐิติประเสริฐ" เจ้าของร้าน Ristr8to ที่บันทึกไว้ในหนังสือเล่มที่มีชื่อเดียวกัน

ผมเองไม่ขอเปิดเผยเนื้อในหนังสือเล่มนี้มากครับเพราะอยากให้ทุกท่านลองรู้จักเขาผ่านตัวหนังสือมากกว่าว่ามีความเป็นมาอย่างไรและกว่าที่จะก้าวไปถึงจุดนั้นเขาต้องพยายามแค่ไหนแต่ผมรับรองได้เลยครับว่าเมื่ออ่านจบเราจะได้รู้จักกับ "เขาคนนี้ในระดับหนึ่ง" ที่อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายๆ คนลองลุกขึ้นมาทำสิ่งใหม่ๆ รวมไปถึงตัวผมด้วย



และหากใครอยากรู้เรื่องราวทางด้านวิชาการของกาแฟแล้วล่ะก็หนังสือเล่มนี้ก็มีสอดแทรกให้อ่านเป็นระยะๆ เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศด้วยครับ

ท้ายที่สุดนี้ผมเองขอปิดบทความที่ "ต๋อง" หรือ "อานนท์ ฐิติประเสริฐ" เจ้าของเรื่องได้พูดเอาไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า "บาริสต้าคือคนที่เชื่อมระหว่างกาแฟกับคนกินเข้าด้วยกัน" เพื่อใ้ห้แฟนานุแฟนของผมทุกท่านไปหาอ่านกันต่อว่าทำไม "ต๋อง" จึงเชื่อเช่นนั้น

สวัสดีครับ

                                                                                                            กาลาโต้
วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559 | By: กาลาโต้

6 เคล็ดลับฮวงจุ้ยร้านกาแฟ จัดแล้วดี เรียกเงิน เรียกลูกค้า


สวัสดีคนรักกาแฟทุกท่านครับ


หากจะเอ่ยถึงธุรกิจที่เป็นธุรกิจยอดฮิตของคนไทยในยุคนี้เชื่อเหลือเกินครับว่าคงจะหนีไม่พ้นธุรกิจร้านกาแฟสดที่เป็นธุรกิจที่เขาโปรโมทโฆษณากันว่าแค่ตั้งน้ำให้เดือดก็ขายได้แล้ว

แต่ทว่าในยุคที่เศรษฐกิจเฉื่อยชาตกสะเก็ดเช่นนี้ทำให้ร้านกาแฟสดทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นหน้าเก่าหรือใหม่ต่างโอดครวญกันเป็นทิวแถวเพราะเนื่องจากว่ายอดขาย รายได้ลดลงดังนั้นจึงจำเป็นต้องพึ่งความเชื่อและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บ้างก็ไหว้ชูชกแม่นางกวัก บ้างก็จัดเครื่องรางสารพัดประเภทมาแขวนเพื่อเรียกลูกค้า ดังนั้นทาง "เรื่องของคนรักกาแฟ" ในวันนี้ขอแหวกแนวด้วยการนำเสนอเรื่องของการจัดฮวงจุ้ยในร้านกาแฟครับซึ่งวิธีนี้ได้มีคนเคยนำไปใช้รวมไปถึงร้านกาแฟแบรนด์ใหญ่ๆ ในบ้านเราซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี ซึ่งวิธีการจัดฮวงจุ้ยร้านกาแฟที่ว่านี้มีด้วยกัน 6 ข้อซึ่งเราจะไปดูพร้อมๆ กันครับ

1. ทำเลที่ตั้ง



ในภาษาฮวงจุ้ยหรือ feng shui ของจีนนั้นจะเรียก "ทำเล" ว่าพลังชี่ ซึ่งหมายถึงพลังงานที่มีการเคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆ เหมือนกับสายน้ำซึ่งก็คือทำเลที่มีผู้คนมากมายเดินผ่านตลอดเวลาอาทิเช่น ตลาดนัด, ห้างสรรพสินค้า, ตึก อาคาร สำนักงาน, ออฟฟิศต่างๆ

สำหรับพลังชี่นั้นบางคนอาจจะเลือกร้านที่อยู่ริมถนนใหญ่เพราะคิดว่าพลังชี่ในบริเวณนั้นย่อมไหลแรงไม่หยุด แต่ถามว่าทำไมถึงยังขายไม่ดี นั่นเป็นเพราะว่าเราไม่มีที่ดักจับพลังงานซึ่งก็คือที่จอดรถนั่นเองนอกจากนี้ทำเลต้องห้ามของ ร้านกาแฟ ตามหลักฮวงจุ้ยคือใต้สะพาน เหตุเพราะมองเห็นยาก ดูทึบหมอง ไม่น่าเข้า วิธีแก้คือการออกแบบด้านหน้า ให้มีรูปทรงสามเหลี่ยมพุ่งเข้าใส่สะพาน แล้วควรดูแลเรื่องการจัดแสงให้ดี เน้นเรื่องป้ายให้ลูกค้าเห็นชัดเจนขึ้น

2. การวางเคาน์เตอร์คิดเงิน


ตามหลักฮวงจุ้ยแล้วจะยึดด้านขวาเป็นมังกร ด้านซ้ายคือเสือขาว โดยมังกรนั้นมีความหมายถึงการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เสือขาวคือการหยุดนิ่ง เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ควรเอาเครื่องคิดเลขไว้ฝั่งขวา เพราะนั่นหมายถึงการมีเงินเท่าไหร่ก็ใช้จนหมด หากต้องการเก็บเงินให้อยู่ควรตั้งไว้ด้านซ้ายแทน

3. เทคนิคการจัดร้าน

สำหรับการจัดวางสิ่งของภายในร้านเราจะต้องอาศัยหลักของเลข 8 เข้ามาช่วย ความหมายคือ การจัดวางที่ทำให้เกิดการเดินดูได้โดยรอบ ซ้ำไปซ้ำมา มันเหมือนกับการดักลูกค้าให้เข้ามาในอวยแล้วหาทางออกไม่เจอนั่นเอง

4. จำนวนประตูภายในร้าน



ตามหลักฮวงจุ้ยแล้วร้านกาแฟไม่ควรที่จะมีประตูหลายบาน ประตูเข้าออกควรมีบานเดียว เพื่อง่ายในการดูแลร้าน มองเห็นคนเข้าออกได้ทุกคน ประตูร้านที่ดีไม่ควรมีสิ่งกีดขวางด้านหน้า ควรเป็นมุมที่เปิดกว้างให้มากที่สุด พร้อมที่จะรับลูกค้าอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าในกรณีที่มีเสาอยู่ภายในร้านด้านหน้าประตูทางเข้า ทางแก้ง่ายๆคือเอากระจกเงามาปิดทั้งเสา กระจกจะช่วยในเรื่องของมุมมองลูกค้า ทำให้เกิดความรู้สึกกว้างขึ้น แล้วจะทำให้สินค้าดูดีและน่าสนใจมากขึ้น

5. กระจกเงา 

ในการจัดหน้าร้าน ควรเอากระจกมาวางหรือประดับร้านบ้าง เพราะคนเราเวลาเดินผ่านกระจกเงามักชอบหันไปมอง ตรงนี้จึงเป็นส่วนที่ดึงดูดลูกค้าให้มาสนใจร้านมากขึ้น

6. แสง สี เสียง กลิ่น อย่าให้บกพร่อง



ในการออกแบบร้านกาแฟเราควรออกแบบโดยใช้สีเอิร์ธโทน เช่น สีน้ำตาล เขียว ขาว หรือสีที่ดูสบายตา เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้กับลูกค้ามากที่สุด อีกทั้งกาแฟนั้นถือเป็นธาตุน้ำ เราจึงไม่ควรที่จะเอาสีธาตุไฟไปชน ส่วนเรื่องการจัดแสงนั้นก็ไม่ควรให้มากหรือน้อยจนเกินไป โดยควรแบ่งแสงไฟออกเป็น 2 ประเภท อันดับแรกคือจัดแสงทั่วไป เพื่อคุมโทน และอีกประเภทคือ ไฟที่ส่องตามกำแพงหรือตามหัวเสาต่างๆ เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่น่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้เรื่องของกลิ่นซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ถือเป็นเสน่ห์ของร้านกาแฟเลยก็ว่าได้ สิ่งนี้ทำให้ร้านกาแฟร้านดังสามารถประสบความสำเร็จได้ เพราะกลิ่นของกาแฟจะดึงดูดให้คนเข้าร้านมากขึ้น รวมไปถึงเพลงที่ใช้เปิดก็ควรเป็นเพลงสบายๆ ตามหลักของร้านธาตุน้ำ เพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้เข้ามา

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือ 6 เคล็ดลับหลักในการจัดฮวงจุ้ยร้านกาแฟที่ถ้าหากร้านใดทำตามได้โอกาสร่ำรวยจากอาชีพนี้มีกองเอาไว้ 50% แล้วครับส่วนอีก 50% ที่เหลือนั้นอยู่ที่ฝีมือ ความสามารถและความพยายามของเรา

แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้านะครับ สวัสดีครับ

                                                                                                                          กาลาโต้

Cr. I See Magazine