วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556 | By: กาลาโต้

10 เรื่องเด่นของวงการกาแฟไทยปี 2556 (ตอนจบ)



       ผ่านพ้นไปแล้วกับ 5 อันดับแรกเรื่องเด่นในวงการกาแฟไทยปี 2556 เป็นอย่างไรกันบ้างครับคุ้นเคยกับข่าวเหล่านั้นกันบ้างหรือไม่หากคิดว่ายังไม่ฮิต ยังไม่เด่น ไม่ถึงใจพอ เราลองมาดูอีก 5 อันดับ Top 5 ที่เหลือกันดีกว่าครับ


อันดับที่ 5 : สูงสุดคืนสู่สามัญจากการชมเครื่องกลับสู่การชงมือ

       ถือว่าเป็นปีแห่งการกลับมาอีกครั้งสำหรับการชงกาแฟสดด้วยวิธี Drip อันเป็นวิธีโบราณก่อนที่จะมีเครื่อง Espresso Machine ซึ่งในปัจจุบันมีร้านกาแฟหลายร้านได้นำเอาวิธี Dripped Coffee มาเป็นจุดขายของทางร้านอย่างเช่น ร้าน Gallery กาแฟดริปบริเวณชั้นหนึ่งหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร หรือแม้แต่ร้านกาแฟวยักษ์ใหญ่อย่าง Starbucks บ้านเราในบางสาขาก็เปิดมุมสำหรับกาแฟดริปเพื่อให้ผู้ดื่มกาแฟได้มีประสบการณ์กาแฟร่วมกัน


อันดับที่ 4 : รายการกาแฟ...บ้านเราก็มีนะ!!!

       เริ่มค่อนข้างเป็นมาตรฐานระดับโลกไปทุกทีแล้วครับสำหรับวงการกาแฟบ้านเราเพราะในปีนี้บ้านเรายังคงมีรายการที่เกี่ยวข้องกับกาแฟมาให้ดูกันมากขึ้นแม้ว่าจะยังไม่โดดเด่นเท่าของต่างประเทศแต่ก็ถือเป็นการเปิดวิสัยทัศน์โลกของกาแฟให้คนทั่วไปได้รับรู้ไม่ว่าจะเป็นรายการ TrueCoffee Barista Thailand Championship ของ True หรือรายการกาแฟน้องใหม่ที่ฉายทาง Cable อย่าง Coffee Model ซึ่งทั้งสองรายการนี้ถือว่าเป็นรายการกาแฟที่ดีมากๆ ในขณะนี้ติดแต่เพียงแค่ว่าเป็นรายการที่ไม่ได้ฉายตาม Free TV ทั่วไปดังนั้นบ้านไหนที่ไม่ติด Cable TV จึงอดดูไปตามระเบียบ


อันดับที่ 3 : ช้าง (ตรู) อยู่นี่!!!!

       ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหากพูดถึงกาแฟที่มีราคาแพงที่สุดในโลกต้องยกให้กาแฟขี้ชะมด แต่มาปี 2556 นี้ตำแหน่งกาแฟที่แพงที่สุดในโลกนี้ต้องยกให้ "กาแฟขี้ช้าง" ครับซึ่งกาแฟขี้ช้างนั้นมีสนนราคาแพงกว่ากาแฟขี้ชะมดถึงเท่าตัวเลยทีเดียวโดยกาแฟขี้ชะมดราคาจะอยู่ที่ประมาณ 600 เหรียญดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อหนึ่งกิโลกรัมในขณะที่กาแฟขี้ช้างนั้นจะอยู่ที่ราคาประมาณ 1,100 เหรียญดอลลาร์สหรัฐอมเริกาต่อหนึ่งกิโลกรัม


อันดับที่ 2 : สตาร์บัคส์ สตาร์บัง

       สำหรับอันดับที่ 2 นี้ต้องถือว่าเป็นเรื่องสะเทือนเลื่อนไปทั้งสามโลกของวงการกาแฟไทยเลยครับเพราะไม่ว่าจะเป็นสื่อวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์แม้แต่โลกอินเตอร์เน็ตต่างก็ติดตามข่าวการที่ร้านกาแฟเงือกเขียว Starbucks ประจำประเทศไทยฟ้องร้านกาแฟข้างถนนอย่าง Starbung Coffee เรื่องการใช้โลโกลอกเลียนแบบตราสินค้าของ Starbucks ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ถึงแม้ว่างานนี้จะจบลงด้วยการที่กาแฟ Starbung ยอมเปลี่ยนโลโกแต่ก็ทำให้มีมาม่าของคนในวงการกาแฟทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกันไปพักใหญ่ๆ เลยครับ


อันดับที่ 1 : กาแฟถุงกระดาษ!!!

       ตำแหน่งอันดับที่ 1 ของปี 2556 ต้องยกให้เจ้านี่เลยครับ "กาแฟถุงกระดาษ" ที่ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนตรงไหน จังหวัดไหน มีระบาดแพร่หลายและขายไปทั่ว มีทั้งทำเอง มีทั้งซื้อแฟรนไชส์มาขาย เรียกได้ว่าหันไปที่ไหนก็เจอ ซึ่งแท้จริงแล้วเจ้ากาแฟถุงกระดาษนี้ก็คือกาแฟโบราณนั่นเองครับทำมาแปลงโฉมใหม่ให้ดูเก๋ไก๋พร้อมชูจุดเด่นคือการเก็บความเย็นได้นานเป็นพิเศษจึงทำให้เกิด Trend ใหม่ถือกาแฟถุงกระดาษแทนแก้วกาแฟสดกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองอยู่ในขณะนี้

       ทั้งหมดนี้ก็คือ 10 อันดับเรื่องเด่นยอดฮิตของวงการกาแฟในปี 2556 ซึ่งปี 2556 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้ขอให้ทุกข์ โศก โรคภัย ของคนรักกาแฟทุกๆท่านจงหายไปกับปีเก่า ส่วนโชคลาภ ทรัพย์สิน เงินทองขอจงไหลเข้ามาสุ่ทุกท่านพร้อมๆ กับปี 2557 นี้นะครับแล้วพบกันใหม่อีกที ปีม้า ปี 2557 ครับ


                                                                                                                  กาลาโต้

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 | By: กาลาโต้

10 เรื่องเด่นของวงการกาแฟไทยปี 2556 (ตอนแรก)



       สวัสดีพี่ๆ เพื่อนๆ คนรักกาแฟทุกท่านครับอีกไม่กี่วันนับจากนี้ปี 2556 ก็กำลังจะผ่านพ้นไปและก้าวเข้าสู่ปีใหม่ ปี 2557 ในปีนี้ใครที่ยังไม่ได้ทำตามที่หวังไว้ก็ไม่เป็นไรนะครับเปิดมาฟ้าใหม่ในปี 2557 ก็ยังไม่สายเกิดไป ขอเพียงแค่ "เริ่ม" ที่จะ "ทำ" เท่านี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
       สำหรับ Entry ท้ายปีอย่าง Entry นี้และ Entry ถัดไปจะเป็นเรื่องราวที่ผมได้รวบรวมเอา 10 ข่าวเด่นๆ ในวงการกาแฟของปี 2556 มาให้ทุกท่านได้ดูกันนะครับว่าในปี 2556 นี้มีเรื่องราวอะไรในแวดวงกาแฟบ้างซึ่งต้องบอกก่อนว่าทั้ง 10 อันดับนี้เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับไม่ได้มีการโหวตหรือจัดอันดับจากใครเอาเป็นว่าเป็น "กาลาโต้ โพล" ละกันครับ @^_^@


อันดับที่ 10 : ภาพยนตร์กาแฟ "Coffee Please"

       นับตั้งแต่ภาพยนตร์แนวกาแฟอย่างเรื่อง Bitter Sweet ที่นำแสดงโดยมะหมี่แล้วช่วงที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นมีภาพยนตร์ที่มีแนวธีมของกาแฟออกมาในจอเงินเลย จะมีก็แต่ซีรียส์ Coffee Prince ในช่อง Cable TV ของทาง True เท่านั้นจนกระทั่งในช่วงปลายปีนี้จึงมีภาพยนตร์เรื่อง "Coffee Please แก้วนี้หัวใจสั่น" ออกมาให้พอแก้คิดถึงได้บ้าง  สำหรับเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้คงไม่ต้องกล่าวถึงเพราะเนื่องจากว่าคอกาแฟทั้งหลายคงมีโอกาสได้ดูบ้างแล้วแต่สำหรับรายได้นั้นคงต้องเรียกได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรแต่ก็ถือเป้นนิมิตหมายที่ดีที่ในวงการภาพยนตร์ในบ้านเรามีพัฒนาการขึ้นไปอีกขั้น


อันดับที่ 9 : Barista สุดหล่อบนโลกออนไลน์

       อันดับที่ 9 นี้ถือว่าเป็นกระแสอยู่พักใหญ่เลยครับบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับพนักงาน Barista ของร้าน Starbucks ที่มีผู้ไปใช้บริการแล้วเห็นความน่ารักของน้องคนนี้เลยมีการนำมาแชร์ นำมาถามกันบน Social Network ซึ่งมีทั้งคนชื่นชมและคนว่ากล่าวไปตามระเบียบโดยแฟนคลับของน้องก็จะเชียร์สุดตัวแต่ในขณะที่คนไม่ใช่แฟนคลับก็จะบอกว่า Barista หน้าตาดีกว่านี้ก็มีให้เห็นอีกเยอะถึงขนาดเกิดมาม่าในเว็บบอร์ดหลายๆ บอร์ดซึ่งก็สร้างความคึกคักให้วงการกาแฟได้พักใหญ่เลยครับ


อันดับที่ 8 : การบุกตลาดกาแฟพรีเมี่ยมของ CP All
       .
       ในปัจจุบันนี้เรามักจะได้เห็นมุมกาแฟสดในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 มากขึ้นซึ่งนั่นเป็นผลงานการแตกหน่อขยายไลน์การทำธุรกิจของ CP All เพื่อหวังจะแย่งชิงตลาดกาแฟสดระดับกลางให้เป็นของตนซึ่งก็นับว่าได้ผลครับเพราะคนส่วนใหญ่หันมาใช้บริการกาแฟสด Kudsan มากกว่ากาแฟกดตามตู้กด อีกทั้งในปี 2556 CP All ยังบุกตลาดใน section นี้อย่างหนักด้วยการขยายจุดของกาแฟสดในร้าน 7-11 ให้เพิมมากขึ้นกว่าเดิมอีก 2 เท่่าตัวแถมยังชิมลางด้วยการเปิดร้านกาแฟพรีเมี่ยมแบบ Stand Alone โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า "Bellinee's" ซึ่งการกระทำในครั้งนี้เขย่าวงการตลาดกาแฟสดระดับการให้สะเทือนได้พอสมควรเลยครับ


อันดับที่ 7 :การกลับมาของกลยุทธ CRM และ Brand Awareness

       ในอดีตที่ผ่านมาสำหรับร้านกาแฟสดทั่วๆ ไปเราจะได้เห็นกลยุทธการสร้าง Brand Royalty และ Brand Awareness ด้วยกลยุทธยอดฮิตอย่างบัตรสะสมแต้ม 10 แถม 1 หรือในแบรนด์ใหญ่ก็จะเป็นประเภทบัตรสมาชิกเพื่อเป็นการสร้าง Brand Royalty และ CRM แต่สำหรับปี 2556 นี้ร้านกาแฟส่วนใหญ่เริ่มหันกลับมาใช้กลยุทธการสร้าง CRM, Brand Royalty และ Brand Awareness ของตนมากขึ้นกว่าเดิมด้วยการหาพันธมิตรมาร่วมกับตนเช่น ร้าน Cafe Amazon ซึ่งเป็นหนึ่งในไลน์ธุรกิจของ PTT ได้ร่วมกับเครือ PTT ทำโปรโมชั่นร่วมกับบัตร PTT Blue Card ซึ่งได้รับทั้งเสียงชมและเสียงด่าพอๆ กัน, McCafe ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังอย่าง McDonalds ได้ร่วมมือกับ Rabbit ออกบัตร McCafe Rabbit Card ที่นอกจากจะเป็นบัตรสมาชิกแล้วยังสามารถใช้เป็นบัตรโดยสาร BTS ได้อีกด้วย เป็นต้น ซึ่งต้องถือว่าปีนี้เป็นปีทองอีกปีหนึ่งของวงการกาแฟที่ได้มีการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยต่างๆ มาผนวกกับกลยุทธทางการตลาดเพื่อสร้างฐานลูกค้าของตนให้มากและแน่นขึ้น


อันดับที่ 6 :ตื่นเถิดชาวไทย!!!

       ในสมัยก่อนการที่จะหาร้านกาแฟสดรับประทานในยามค่ำคืนดูจะเป็นเรื่องที่ยากกว่าการหาบะหมี่เกี๊ยวกินแก้หิวในตอนกลางคืนเสียอีกเพราะเนื่องจากว่าในประเทศไทยนั้นการดื่มกาแฟในยามค่ำคืนยังไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควรในสมัยนั้นเท่าที่เห็นร้านกาแฟที่เปิด 24 ชั่วโมงก็คงจะมีแค่เพียงร้าน Coffee Society บริเวณสีลมเท่านั้นแต่ในปัจจุบันร้านกาแฟที่เปิด 24 ชั่วโมงเริ่มมีมากขึ้นตั้งแต่ร้านกาแฟสดขนาดเล็กอย่าง Kudsan ที่อยู่ใน 7-11 เรื่อยไปจนถึงร้านกาแฟขนาดใหญ่อย่าง Mc Cafe หรือร้าน Too Fast To Sleep ที่มีจุดเด่นคือเป็นร้านที่ไม่มีวันปิดดังนั้นโลกกาแฟในยุค 2556 นี้จะไม่มีวันหลับไหลอีกต่อไปแล้วครับ

       เป็นอย่างไรกันครับกับ 5 อันดับแรกสำหรับเรื่องเด่นในวงการกาแฟบ้านเราในปี 2556 ยังเหลืออีก 5  อันดับที่ถือเป็นข่าว Top 5 ในใจผมซึ่งต้องขอยกยอดกันไปในตอนหน้าครับ สวัสดีครับ

                                                                                                                       กาลาโต้

วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556 | By: กาลาโต้

Enpresso : ดูกันหรือยัง TrueCoffee Barista Thailand Championship


       แม้จะออกอากาศไปแล้ว 3 ตอนด้วยกันสำหรับรายการ TrueCoffee Barista Thailand Championship แต่ต้องขอสารภาพว่าผมเพิ่งได้ดูตอนแรกเมื่อสักครู่ที่ผ่านมานี้โดยดูผ่าน Youtube จาก Channel ของ True เองซึ่งต้องบอกว่ารายการทำได้ออกมาดีในระดับพอสมควรเลยทีเดียวครับดังนั้นผมจึงได้นำมา บอกต่อให้คนรักกาแฟทุกท่านได้รับทราบและอยากให้ได้ดูกัน


       Theme หรือเนื้อหาหลักของรายการ TrueCoffee Barista Thailand Championship นี้เป็นรายการที่คัดเลือกเอา Barista ของ TrueCoffee จำนวนกว่า 1,000 คนจากกว่า 100 สาขาของ TrueCoffee มาแข่งขันคัดเลือกให้เลือก 22 คนเพื่อแข่งขันต่อไปให้เหลือเพียงหนึ่งเดียวที่ถือเป็นสุดยอด Barista ของ TrueCoffee


        หากจะพูดถึงความสนุกของรายการแล้วต้องบอกว่าคงจะไม่สามารถเทียบได้กับรายการประกวดร้องเพลงหรือแสดงความสามารถพิเศษอย่าง True Academy Fantasia เพราะเนื่องจากกาแฟและ Barista นั้นยังอยู่ในวงที่ไม่กว้างนัก คนทั่วไปที่ชมรายการนี้อาจะบอกว่าค่อนข้างน่าเบื่อแต่สำหรับคอกาแฟแล้วผมว่าเป็นอีกหนึ่งรายการที่น่าดูมากกว่าละครบางเรื่องเสียอีกครับ


       สิ่งที่น่าสนใจของรายการนี้ไม่ได้อยู่ที่การนำเสนอของพิธีกรหรือการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นแต่อย่างไรแต่สำหรับผมแล้วความรู้ในช่วง "Sipping Tip" ของรายการช่วยให้เรามีความรู้เรื่องกาแฟมากขึ้นถึงแม้ว่าในบางครั้งจะแฝงด้วยโฆษณาบ้างก็ตามทีและสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะได้เห็นในรายการนี้ก็คือ "หัวใจของการเป็น Barista


       รายการนี้ทำให้เราได้รับรู้ว่า Barista นั้นไม่ได้มีหน้าที่แค่เพียงชงกาแฟส่งให้ลูกค้าแล้วก็จบกัน แต่ Barista ยังต้องทำอะไรต่างๆ อีกมากมาย ต้องพบเจอ ต้องรองรับอารมณ์ผู้คนมากหน้าหลายตาและรายการนี้แหละที่จะทำให้เราได้รับฟังเสียงสะท้อนจากหัวใจของ Barista ทั้งหลายว่าที่เขาเหล่านั้นเลือกเป็น Barista มาชงกาแฟเพราะความรักในกาแฟ ความสุขที่ได้ชงกาแฟให้คนอื่นได้ทาน ซึ่งต้องบอกว่าในรายการนี้ทำให้เราได้เห็นทั้ง Barista ตัวจริงที่ทำหน้าที่ Barista ด้วยหัวใจและ Barista ทั่วๆไปที่ทำหน้าที่เพียงแค่พนักงานชงกาแฟเท่านั้นเองครับ

       สิบปากว่าก็คงไม่เท่าตาเห็นพูดมาแบบนี้เชื่อว่าคอกาแฟหลายคนคงคิดอยากชมรายการ TrueCoffee Barista Thailand Championship กันแล้วใช่ไหมครับ เอาเป็นว่าใครที่บ้านติด True Vision อยู่แล้วคงหาชมกันไม่อยากแต่ถ้าใครไม่มี True Vision ก็สามารถเข้าชมได้ใน Youtube ครับ เพราะทาง True เขานำมาลงให้ชมทุกสัปดาห์ครับ


                                                                                                           กาลาโต้




วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556 | By: กาลาโต้

Blend Storming : ฤดูกาล True Barista Championship เริ่มต้นแล้ว!!!


       ภายหลังจากที่ True Coffee ประสบความสำเร็จในการจัดการแข่งขันหาผู้จัดการร้าน True Coffee ในรูปแบบการแข่งขันแบบ Reailty มาถึง 2 ปีซ้อนในปีนี้ทาง True Coffee ก็ได้มีการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นมาให้บรรดาคอกาแฟได้สนุกสนานและลุ้นอยู่หน้าจอด้วยความตื่นเต้นกันอีกกับการแข่งขัน True Coffee Barista Thailand Championship ครั้งที่ 1 โดยครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่นำเอา Barista ของร้าน True Coffee ทั่วประเทศมาแข่งขันกันเพื่อค้นหาความเป็นสุดยอด Barista ของ True Coffee เพียงหนึ่งเดียว

       แน่นอนครับว่ารายการแนวนี้ของ True ก็คงจะเหมือนกับรายการอื่นๆ ที่นำเอาความเป็น Reality มาเป็นจุดขายรวมไปถึงการให้ Vote หรือเลือก Vote ตามแบบ Pattern เดิมๆ ที่ยังคงได้ผลอยู่เสมอแต่หากมองในมุมมองของคอกาแฟแล้วการแข่งขัน Barista Championship ในครั้งนี้ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับวงการกาแฟ เป็นการนำเสนอ ส่งเสริมและยกระดับวงการ Barista ให้มีมาตรฐานมากขึ้น (ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ Barista ของ True Coffee เท่านั้นก็ตามครับ) และเชื่อว่าหากได้รับการตอบรับที่ดีก็คงมี season ต่อๆ มาอย่างแน่นอน

       ส่วนรายการจะดีหรือไม่ดีอย่างไร จุดอ่อนจุดแข็งรายการดีแค่ไหนคงต้องลองไปติดตามกันเองครับทาง True Vision ช่อง 10 โดยจะออกอากาศสดทุกวันศุกร์ตั้งแต่เวลา 21.00-22.00 น.เป็นเวลา 8 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2556 นี้เป็นต้นไป ส่วนในวันอื่นๆ แม้จะไม่มีการแข่งขันสดก็จะมีไฮไลท์ของผู้เข้าแข่งขันมาให้ชมตลอดครับ

                                                                                                                     กาลาโต้
วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556 | By: กาลาโต้

Cupping Street : Star Back Cafe...ความเหมือนที่แตกต่าง


       สวัสดีครับชาวคนรักกาแฟทุกท่าน หากใครที่ติดตามข่าวสารกรณีพิพาทจนเป็นเรื่องเป็นราวฟ้องร้องกันระหว่างร้านกาแฟเงือกเขียวแบรนด์ดังอย่าง Starbucks กับกาแฟรถเข็น Star Bung เรื่องโลโก้หรือเครื่องหมายการค้ามาโดยตลอดคงจะทราบผลสรุปแล้วด้วยการที่ Star Bung ยอมเปลี่ยนโลดก้แต่ก็ยังไม่วายกระแนะกระแหนกาแฟยักษ์ใหญ่ซึ่งที่จริงก็น่าเห็นใจอยู่นะครับแต่ในโลกธุรกิจนั้นบางครั้งความถูกต้องก็ย่อมจำเป็นต้องอยู่เหนือความรู้สึก เอาเป็นว่าเราพักเรื่องนี้กันดีกว่าแล้วไปดูร้านกาแฟที่ผมจะนำเสนอใน entry นี้กันดีกว่าต้องเรียกได้ว่าเหยียบจมูกเสือเลยทีเดียวครับกับร้านกาแฟร้านนี้ "Star back Cafe"


       ร้าน Star Back Cafe ที่จะกล่าวถึงนี้ถึงแม้ว่าชื่อเสียงเรียงนามจะใกล้เคียงกันกับร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Starbucks แต่ก็ไม่สามารถจะพูดได้เต็มปากว่าเป็นการ Copy ร้านกาแฟแบรนด์ดังมาเพราะเนื่องจากรายละเอียดทุกอย่างตั้งแต่โลโก้ไปจนการตกแต่งร้านทั้งภายนอก ภายในนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงดังนั้นจึงไม่สามารถฟ้องร้องเรื่องการเลียนแบบเพื่อการค้าเหมือนกาแฟ Star Bung ได้แต่ที่บอกว่าเหยียบจมูกเสือกก็เพราะร้าน Star Back Cafe นี้มีที่ตั้งอยู่ติดกันกับร้าน Starbucks เลยครับยิ่งมองจากด้านนอกอาคารยิ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจน


       Theme การตกแต่งร้านของ Star Back Cafe นั้นเป็นการตกแต่งร้านให้เหมือนกับร้านสำหรับดาราโดยมีการนำเอาสเลทที่ผู้กำกับใช้ในการกำกับมาเป็นเครื่องมือในกาารตกแต่งร้าน นอกจากนี้ยังมีการ (แอบ) จิกกัดร้านกาแฟร้านข้างๆ (ที่คุณรู้ว่าใคร) ด้วยการนำเอาตุ๊กตาหมีน่ารักๆ มาวางโชว์ซึ่งผู้ที่มาดื่มกาแฟสามารถซื้อติดไม้ติดมือกลับไปบ้านเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วยครับ


       อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นจุดเด่นของร้าน Star Back Cafe ที่ทำให้ร้านนี้โดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเข้ากันกับชื่อร้านก็คือบริเวณข้างผนังจะมีแผ่นป้ายสี่เหลี่ยมสีทองติดอยู่ซึ่งแผ่นป้ายแต่ละอันก็จะมีลายเซ็นพร้อมก้บข้อความสั้นๆ ของดาราหรือนักแสดงที่มาใช้บริการร้านกาแฟร้านนี้และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ร้านกาแฟร้านนี้เป็นร้านกาแฟของ "ดารา" ไปโดยปริยาย (น่าเสียดายว่าไม่สามารถถ่ายรูปมาได้เพราะแสงแฟลชโดนแผ่นป้ายแล้วภาพออกมาจ้าเกินไปครับแต่ถ้าไปใช้บริการที่ร้านก็จะเห็นตามที่ว่าทุกประการ)


       เรื่องของการจัดร้านต้องยอมรับครับว่ามีการออกแบบร้านได้สวยงาม เป็นสัดส่วน มีทั้งโต๊ะขนาดเล็กสำหรับคนๆ เดียวเรื่อยไปจนถึงโต๊ะขนาดใหญ่รองรับคนที่มาดื่มกาแฟเป็นหมู่คณะโดยโต๊ะและเก้าอี้เหล่านี้มีการจัดวางอย่างเหมาะสมตามเนื้อที่ทำให้ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป นอกจากนี้การจัดวางสิ่งของต่างๆ ก็ยังมีสไตล์เป็นของตัวเองอีกด้วย


       มาถึงหัวใจหลักซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของร้านกาแฟทุกร้านนั่นก็คือรสชาติของกาแฟครับ จากการได้ทดลองชิมโดยสั่งเป็น Iced Latte มาพบว่ารสชาติเป็นรสชาติกาแฟระดับมาตรฐานเช่นเดียวกันกับร้านกาแฟพรีเมี่ยมทั่วไปซึ่งหากเป็นคนที่กินกาแฟระดับพรีเมี่ยมอยู่บ่อยๆ แล้วคงจะชอบรสชาติแบบนี้ ส่วนสนนราคาก็มีหลากหลายครับโดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ใกล้ๆหลักร้อยเรื่อยไป ส่วนใครที่ดื่มกาแฟแล้วอยากหาเครื่องเคียงมาทานคู่ทางร้านก็มีไว้บริการด้วยเช่นกันแต่ขอแนะนำซาลาเปาของทางร้านครับขอบอกว่าทานคู่กับกาแฟอร่อยมากๆ


       แต่สิบปากว่าหรือจะสู้สองตาเห็นและไปทดลองสัมผัสด้วยตัวเองซึ่งหากใครอยากไปลิ้มลองรสชาติของกาแฟที่เคียงคู่กับซาลาเปาร้อนๆ และบรรยากาศที่เหมือนเฉิดฉายอยู่ดงดาราก็สามารถไปเยี่ยมชมกันได้ครับโดยร้าน Star Back Cafe นี้ตั้งอยู่ที่ห้าง MBK หรือมาบุญครองชั้น 1 อยู่ติดกับร้าน Starbucks พอดิบพอดีดังนั้นก่อนเข้าต้องดูให้ดีก่อนนะครับไม่เช่นนั้นอาจเข้าผิดก็เป็นได้ ฮา ฮา

                                                                 
                                                                                    กาลาโต้


วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 | By: กาลาโต้

Cupping Street : Too Fast To Sleep ราตรีนี้ยังอีกยาวนาน


       หากใครก็ตามที่เป็นแฟนและติดตาม blog เรื่องของคนรักกาแฟมาโดยตลอดคงจะพอทราบดีว่าร้านกาแฟมักนิยมใช้รูปลักษณ์ของนกฮูกเป็นสัญลักษณ์เพราะเนื่องจากว่านกฮูกเป็นสัตว์ที่หากินกลางคืนเฉกเช่นเเดียวกันกับกาแฟที่สามารถทำให้เราตาสว่างในยามค่ำคืนแต่ในความเป็นจริงแล้วนกฮูกนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความรู้และสติปัญญาซึ่งเชื่อไหมครับว่าในบ้านเราตอนนี้มีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่งที่ใช้นกฮูกเป็นสัญลักษณ์นอกจากสื่อถึงความตาสว่างจากฤทธิ์กาแฟแล้วยังหมายถึงความรู้และการศึกษาอีกด้วยจึงเป็นที่มาของ entry นี้ที่ว่า "ราตรีนี้ยังอีกยาวนาน"


        Too Fast To Sleep เป็นร้านที่ผมจะพูดถึงในวันนี้ แค่เพียงเห็นชื่อร้านเชื่อว่าหลายคนคงจะแปลกฉงนสนเท่ห์อยู่พอสมควรเพราะประโยคดังกล่าวถ้าแปลเป็นภาษาบ้านๆคงเข้าทำนองว่า "จะหลับตาลงไปได้อย่างไร" หรือ "เร็วเกินไปไหมที่จะหลับ" นั่นเองครับ ซึ่งเมื่อได้ลองเข้าไปใช้บริการพบว่าชื่อนี้คงจะเหมาะสมที่สุดแล้วครับสำหรับร้านนี้เพราะเนื่องจากเป็นร้านที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันปิดดังนั้นใครจะมาเวลาไหน เป็นอันได้เข้าใช้บริการทุกคนแน่นอน


       จุดเเด่นของร้าน Too Fast To Sleep นั้นไม่ได้อยู่ที่การเปิดตลอด 24 ชั่วโมงแต่อย่างเดียวเพราะเมื่อขึ้นไปบริเวณชั้น 2 ทุกพื้นที่จะเต็มไปด้วยบรรดาหนังสือและโต๊ะที่เรียงรายเอาไว้สำหรับให้คนมาใช้บริการนั่งทำงาน อ่านหนังสือ นอกจากนี้ยังมีบริการปลั๊กไฟสำหรับไว้เสียบคอมพิวเตอร์โน้ตบุคส์หรือชาร์จแบตเตอร์รี่โทรศัพท์ด้วยอีกทั้งทางร้านก็ยังใจดีเปิดให้คนทั่วไปเข้ามาใช้สถานที่ได้แม้จะไม่อุดหนุนซื้อกาแฟหรือของกินจากทางร้านเลยก็ตาม


       สไตล์การตกแต่งร้านของ Too Fast To Sleep นั้นเป็นการตกแต่งร้านออกแนวสบายๆ ให้เหมือนกับอยู่ที่บ้านมากกว่าอยู่ห้องสมุดเพื่อให้ผู้ที่มาใช้บริการมีความรู้สึกผ่อนคลายและมีอารมณ์ในการทำงานหรืออ่านหนังสือซึ่งการตกแต่งจะมีทั้งใช้โต๊ะและเก้าอี้แบบมาตรฐาน ใช้โซฟาและโต๊ะน่ารักๆ หรือแม้กระทั่งการใช้โต๊ะญี่ปุ่นมาตกแต่งในบางโซนก็มีให้เห็นดังนั้นใครชอบสไตล์ไหนก็เลือกนั่งได้ตามชอบใจเลยครับ


       ถึงแม้ว่าวันที่ผมไปใช้บริการจะเป็นวันที่ผู้คนส่วนใหญ่ออกไปทำกิจกรรมทางการเมืองหรือพักผ่อนอยู่บ้านอีกทั้งยังเป็นช่วงเวลากลางวันก็ตามทีแต่คนที่มาใช้บริการ Too Fast To Sleep ก็ยังคงมีให้เห็นตลอดเวลา ผู้คนเริ่มทยอยมาเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไปซึ่งหนึ่งผู้ที่มาใช้บริการสถานที่นี้เป็นประจำบอกว่าคนจะเยอะมากๆ ในช่วงค่ำคืน เรียกได้ว่ายิ่งดึกยิ่งเยอะ ราวกับว่าสถานที่นี้เป็นแหล่งรวมของบรรดานกฮูก (ทางความรู้) ในยามค่ำคืนเลยทีเดียว


        และเนื่องจากพื้นที่ของร้านกว้างขวางมากดังนั้นเราจึงสามารถเลือกมุมที่เหมาะสมสำหรับการทำงานของเราได้ซึ่งเท่าที่เห็นคนใช้บริการที่ร้านส่วนใหญ่มักจะเป็นบรรดานักเรียน นักศึกษามาอ่านหนังสือกันซึ่งแน่นอนว่าอาจจะมีเสียงพูดคุยให้ได้ยินมาบ้างประปราย ส่วนหากใครคิดอยากจะทำงานแบบเงียบๆ บริเวณมุมนอกชานน่าจะเป็นพื้นที่ๆ ดีที่สุดครับ


       สำหรับกาแฟที่ผมสั่งมาลิ้มลองในครั้งนี้เป็น Iced Espresso ครับ ซึ่งรสชาตินั้นต้องบอกตามตรงครับว่าไม่ได้เลิศเลอเหมือนร้านกาแฟพรีเมี่ยมขนาดใหญ่หรือร้านที่ขายกาแฟแท้ๆ แต่อย่างเดียวทั่วๆ ไปแต่ก็ไม่ถือว่าน่าเกลียดสักเท่าไหร่เพราะโอเคระดับหนึ่งเลยทีเดียวแต่ถ้าใครไม่อยากทานกาแฟสดเขาก็มีกาแฟซองแบบใส่น้ำร้อนหรือเครื่องดื่มพร้อมของขบเคี้ยวไว้บริการซึ่งหากเราซื้อของจากเขาเราสามารถนำใบเสร็จมาแลกรหัส WIFI สำหรับใช้งานในร้านได้ฟรีด้วยครับ


       เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้คงมีหลายคนคงอยากจะรู้ว่าเปิดให้ใช้บริการกันฟรีๆ แบบนี้เราไม่เจ๊ง ไม่ขาดทุนหรืออย่างไรซึ่งผมเองก็คงตอบไม่ได้ครับคงพูดได้แต่เพียงว่าดีใจที่เห็นบ้านเราเมืองเรายังมีร้านดีๆ แบบนี้อยู่เหมือนในต่างประเทศส่วนคำตอบของสิ่งที่ถามมานั้นผมเชื่อว่าป้ายนี้คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ส่วนใครที่อยากไปใช้บริการร้าน Too Fast To Sleep นั้นการเดินทางก็สะดวกมากครับนั่งรถไฟใต้ดิน MRT ลงสถานีสามย่านฝั่งวัดหัวลำโพงแล้วเดินต่อไปอีกนิดเดียวก็จะเห็นป้ายของร้านขนาดใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าเลยครับ สวัสดีครับ

                                                                                          กาลาโต้