สวัสดีครับเหล่าบรรดาผองเพื่อนคนรักกาแฟทุกท่าน ห่างหายกันไปช่วงสั้นๆ คิดถึงกันบ้างไหมครับ วันนี้กลับมาพร้อมกับบทความดีๆ ให้สมาชิกคนรักกาแฟได้อ่านกันเหมือนเช่นเคย รับรองได้ว่าไม่แพ้เรื่องก่อนหน้านี้แน่นอนครับ @^_^@
หลังจากที่ผมทำ blog เรื่องของคนรักกาแฟ มาได้สักระยะหนึ่งก็มักมีอีเมล์และทวิตเตอร์มาถามกันอยู่เนืองๆว่า ทำไมรีวิวแต่ร้านกาแฟที่เป็นแบบ stand alone ทำไมไม่รีวิวร้านกาแฟเล็กๆ หรือร้านกาแฟที่เป็นแบบรถเข็นทุนจำกัดบ้าง บางท่านก็เขียนมาในทำนองตัดพ้อว่าสนใจแต่ร้านเลิศหรูไม่สนใจคีออสค์เล็กๆ อีกทั้งยังมีเพื่อนที่รู้จักกันบางท่านถึงขนาดส่งภาพและพิกัดร้านที่ตัวเองเปิดอยู่มาให้เขียนรีวิวลง blog โดยใช้คำว่า "เพื่อนกันช่วยโปรโมทให้หน่อย" หรือไม่ก็ "ช่วยๆกันหน่อย" ซึ่งทำความลำบากใจให้ผมพอควรเลยทีเดียว ผมจึงคิดอยู่นานว่าจะอธิบายให้แฟนานุแฟนใน blog นี้รวมไปถึงมิตรรักแฟนเพจที่ส่งเมล์ ทวิตเตอร์หรือแม้กระทั่งเฟสบุคส์ให้เข้าใจได้อย่างไรและเมื่อถึงโอกาสเหมาะสมผมจึงได้เขียนบทความในตอนนี้ขึ้นมาเพื่อชี้แจงครับ
ก่อนอื่นต้องขอเรียนว่าในฐานะคนทานกาแฟ ผมเชื่อว่าคอกาแฟทุกคนคงเป็นเหมือนกันครับคือไม่สนว่าร้านกาแฟจะเล็กหรือใหญ่ ขอให้กาแฟที่ทำออกมา "อร่อย" ก็เพียงพอแล้ว ร้านเป็นเพียงส่วนประกอบเติมเต็มรสชาติให้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าร้านจะเล็กแสนเล็กแต่ถ้ากาแฟเค้าทำมาอร่อยแล้ว ร้านจะเล็กเพียงใด ร้านจะไกลสักแค่ไหน เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงมุ่งมั่นที่จะดั้นด้นไปลองชิม
แต่เป็นที่น่าเสียใจที่ต้องกล่าวถึงความเป็นจริงที่พบในปัจจุบันว่า ร้านกาแฟของไทยนั้นส่วนใหญ่นั้น "ไม่มีคุณภาพหรือมาตรฐานเท่าที่ควร" โดยเฉพาะในปัจจุบันยุคที่ร้านกาแฟผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดสนับสนุนวลียอดฮิตที่เคยได้ยินกันว่า "แค่ต้มน้ำเดือดก็ทำกาแฟได้" ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าร้านกาแฟส่วนใหญ่ที่เปิดๆกันอยู่นั้นมาตรฐานต่ำกว่าที่ควรจะเป็น! โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านกาแฟขนาดเล็ก
ร้านกาแฟขนาดใหญ่นั้นส่วนใหญ่ก่อนเปิดร้าน เจ้าของร้านมักจะหาสถานที่เรียนฝึกปรือฝีมือการทำกาแฟก่อนที่จะเปิดร้านจริงหรือบางร้านทุนหนาหน่อยก็จ้่างบาริสต้าที่มีฝีมือและมีประสบการณ์มาประจำร้านดังนั้นจึงทำให้รสชาติของกาแฟเป็นมาตรฐานเทียบเคียงกับร้านกาแฟดังๆได้เลยทีเดียว แต่ในขณะที่ร้านกาแฟขนาดเล็ก (ขนาดคีออสค์หรือรถเข็น) ไม่มีงบประมาณมากเพียงพอที่จะไปเรียนรู้หรือจ้างบาริสต้าฝีมือดี่ราคาแพงมาช่วย ดังนั้นจึงต้องอาศัยประสบการณ์ครูพักลักจำ จากตามหนังสือบ้าง ตามที่เคยเห็นมาบ้าง มาผสมผสานกันถูๆ ไถๆเปิดร้านกาแฟไปและนั่นเองจึงเป็นเหตุผลที่ำทำให้ร้านกาแฟส่วนใหญ่มาตรฐานหรือคุณภาพต่ำกว่าที่ควรจะเป็นและร้านเหล่านี้จำนวนมากก็ต้องปิดตัวลงไปในที่สุดเพราะทนกับภาวะขาดทุนไม่ไหวนั่นเอง
ส่วนในฐานะของ blogger ผมเองก็ต้องคัดเลือกสิ่งที่ดีสุดเพื่อนำเสนอต่อผู้อ่านทุกท่านและโดยจรรยาบรรณของนักเขียนที่ดีแล้วควรต้องนำเสนออย่างตรงไปตรงมา เป็นกลาง ดังนั้นผมจึงต้องพยายามหาร้านกาแฟที่ดี เหมาะสม และมีมาตรฐาน ให้กับบรรดาผู้อ่านทุกท่านของผมได้รับทราบกันซึ่งต้องบอกตามตรงครับว่ามีหลายครั้งด้วยกันที่ผมได้ไปร้านกาแฟตามคำเชียร์ คำชมจากแหล่งต่างๆ และเมื่อไปสัมผัสแล้วพบว่าไม่เป็นอย่างที่กล่าวอ้างกันดังนั้นในฐาน blogger อิสระผมจึงเลือกที่จะ "เลี่ยง" เขียนถึงร้านเหล่านั้นลง blog แห่งนี้แม้ว่าบางร้านจะ "สนิทสนม" กับผมสักเท่าไหร่ก็ตาม
มาอ่านถึงบรรทัดนี้แล้วเชื่อว่าหลายท่านคงจะพอเข้าใจความคิดของผมขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อยนะครับและก็อย่าเพิ่งเหมารวมว่าร้านกาแฟเล็กๆ ทั้งหมดจะไม่มีคุณภาพหรือไร้มาตรฐาน เพราะร้านกาแฟขนาดเล็กดีๆ ก็ยังมีอีกไม่น้อยดังเช่นร้านกาแฟที่ผมจะกล่าวถึงต่อไปนี้ แต่ด้วยเนื้อที่จำกัดดังนั้นผมจึงขอยกยอดไปครั้งหน้าก็แล้วกันครับ อยากรู้ว่าพูดถึงร้านกาแฟร้านไหน รูปแรกของบทความนี้ช่วยบอกเป็นนัยได้ครับ สวัสดี....
กาลาโต้
2 ความคิดเห็น:
อ่านแล้วตื่นเต้นแทนเลย ขอบคุณที่หันมาสนใจร้านกาแฟเล็กๆบ้าง
แวะมาเยี่ยมชมบล๊อกที่เข้าประกวดครับ
แสดงความคิดเห็น