วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Cupping Street : ดำแต่นอกในแผ้ว ผ่องเนื้อ นพคุณ (จบ)


       สวัสดีครับเพื่อนพ้องคนรักกาแฟทุกคน คราวนี้ห่างหายกันไปเกือบเดือนด้วยสาเหตุว่าอุปกรณ์ถ่ายภาพที่บรรจุภาพร้านกาแฟต่างๆที่จะนำมาลงรีวิวเกิดขัดข้องทำให้ต้องส่งซ่อมโดยที่ยังไม่ทันได้ back up ข้อมูลทำให้ภาพต่างๆ มลายหายไปจนหมดสิ้นและต้องเริ่มตระเวนเก็บภาพเพื่อนำมารีวิวกันใหม่เลยทำให้ช่วงที่ผ่านมาไม่มีบทความมานำเสนอบน blog ตอนนี้พอเริ่มจะมีภาพที่ถ่ายมาใหม่แล้วบ้างจึงได้กลับมาทำหน้าที่ตามเดิมครับ


       คราวที่แล้วทิ้งท้ายกันไว้ถึงร้านกาแฟที่ไม่ได้เลิศหรู แต่รสชาติประทับใจ อันน่าจะเป็นร้านกาแฟตัวอย่างที่ร้านกาแฟขนาดเล็กหรือแม้แต่ระดับ kiosk ควรน่าจะเอาตามอย่างวันนี้ได้ฤกษ์มาเฉลยกันแล้วครับ ร้านที่ว่านี้ก็คือร้าน "Tie Coffee" นั่นเอง


       ร้าน Tie Coffee ที่ว่านี้บางท่านอาจจะคิดถึงร้านขนาดพอดีๆ มีที่นั่งพอสมควรหรือแม้กระทั่งการตกแต่งร้านที่ดูน่าจะลงตัว หากแต่ร้าน Tie Coffee ที่ผมกำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ไม่มีสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเลยครับเป็นเพียงซุ้มกาแฟเล็กๆ อยู่บริเวณหน้าร้านขายข้าวมันไก่เท่านั้นเอง ดูไม่น่าจะลงตัวเข้ากันได้นะครับแต่เชื่อไหมว่าเห็นแบบนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว


       จุดเด่นที่สำคัญของร้าน Tie Coffee ไม่ได้อยู่ที่ทำเลแต่อย่างใด เพราะถึงแม้ว่าจะตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านข้าวมันไำก่ซึ่งมีโอกาสที่จะมีลูกค้าผ่านมามากกว่าปกติก็ตามที แต่ร้านข้าวมันไก่ที่ว่านั้นไม่ได้ตั้งอยู่ริมถนน ต้องเดินเข้าซอยเข้ามาแถมด้านหน้าถนนยังมีตึกกั้นบังอยู่ด้วย ดังนั้นความน่าจะเป็นเรื่องทำเลจึงเป็นเรื่องรองไปโดยปริยาย แล้วถ้าอย่างนั้นจุดเด่นสำคัญอยู่ตรงไหนล่ะ?


       คำตอบของคำถามข้างต้นก็คืออยู่ที่ความรักในอาชีพและการบริหารร้านกาแฟที่เป็นระบบยังไงล่ะครับ!!!


       คนที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตนเองทำได้นั้นอย่างแรกเลยต้องรู้สึก "ชอบ" และ "รัก" ในสิ่งที่ตนเองทำเสียก่อน เมื่อตนเองทำได้เช่นนั้นจึงจะสามารถทำให้คนอื่น "ชอบ" และ "รัก" ในสิ่งที่เราทำอยู่ไำด้ เชื่อไหมครับท่านผู้อ่านว่าเจ้าของร้านกาแฟรวมถึงลูกจ้างของร้านกาแฟร้านนี้ พื้นฐานดั้งเดิมเป็นคนที่ไม่กินกาแฟ เข้าทำนอง ขายกาแฟแต่ไม่กินกาแฟ แล้วแบบนี้จะชงกาแฟได้อย่้างไร??? ก็ไม่ยากครับ เพราะเมื่อตกลงใจที่จะมาทำร้านกาแฟแล้วก็ต้องมีการทดลอง พัฒนาสูตรกาแฟ ให้เหมาะสม แม้จะไม่กินกาแฟแต่ก็ต้องมีการชิมเองบ้าง ให้คนอื่นลองชิมบ้าง เพื่อให้ได้กาแฟและสูตรที่ดีที่สุดมาบริการลูกค้า สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่ร้านกาแฟทุกร้านพึงมีเพื่อให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดีที่สุด ใครที่เคยคิดว่าร้านกาแฟที่เจ้าของไม่ทานกาแฟจะชงกาแฟไม่อร่อยนั้น อย่าเพิ่งคิดดูแคลนครับ เพราะบางทีอาจจะผ้าขี้ริ้วห่อทองก็เป็นได้


       จุดเด่นของร้าน Tie Coffee ถัดมาก็คือเรื่องวัตถุดิบและเมล็ดกาแฟ! ร้าน Tie Coffee นี้เค้าคัดแต่สินค้าที่ดีมีคุณภาพมาบริการให้กับลูกค้าโดยพยายามเน้นที่วัตถุดิบที่คุณภาพดี ราคาไม่แพงมาก มาบริการลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าได้กาแฟที่มีคุณภาพดี ราคาถูก ที่สำคัญเมล็ดกาแฟของที่นี่คั่วกันเอง ขายกันเอง ดังนั้นจึงการันตีความหอมและความสดใหม่ของกาแฟได้ครับ

       จุดเด่นต่อมา "ลูกค้าคือพระเจ้า"!!!

       เนื่องจากร้าน Tie Coffee มีกลุ่ม target ที่เน้นไปยังกลุ่มลูกค้าวัยทำงานเป็นหลัก ซึ่งลูกค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีเวลาจำกัด อีกทั้งส่วนใหญ่เป็นคนที่เคยกินและติดใจในรสชาติกาแฟสดของร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยมมาบ้าง ดังนั้น Tie Coffee จึงชูจุดขายด้วยความรวดเร็วในการชงกาแฟ อีกทั้งยังนำ concept "สั่งได้ตามใจคุณ" มาเป็นจุดขายของร้าน เรียกได้ว่าอยากได้รสชาติแบบไหน อ่อนเข้มเพียงใด สั่งได้ทุกแบบครับ พนักงานในร้านยินดีทำให้ตามที่ต้องการทุกอย่้าง ขนาดผมสั่ง Iced Latte เพียวๆ แบบไม่ใส่ syrup หรือน้ำตาลใดๆ เชื่อไหมครับรสชาติที่ออกมาเหมือนกับกาแฟสดเจ้าดังอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว เรียกได้ว่าถ้่าปิดตาชิมนี่ไม่รู้เลยว่าเป็นของเจ้าไหน อันนี้ต้องยอมยกนิ้วให้ร้าน Tie Coffee เลยทีเดียว


       และสิ่งสำคัญทื่สุดที่ผมอดที่จะพูดถึงไม่ได้นั่นก็คือการบริหารจัดการร้านอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ เชื่อไหมครับ ร้าน Tie Coffee นี้มีเจ้าของและพนักงานรวมแล้วแค่ 3 คนเท่านั้น แต่ๆละคนต่างก็ดูแลงานในส่วนของตนเองทำให้ทุกอย่างลงตัว : คนหนึ่งอยู่เบื้องหลังดูแลเรื่องการโปรโมท การจัดหาวัตถุดิบ, คนหนึ่งมีหน้าที่ชงกาแฟรอบเช้า, ส่วนอีกคนที่เหลือดูแลหน้าร้านทั่วไปและรับหน้าที่ชงกาแฟในรอบเย็น เพียงแค่นี้ทุกอย่างลงตัว แบ่งงานให้ง่าย พยายามคิดให้ง่าย แล้วทุกอย่างจะลงตัวเองครับ


       มาถึงบรรทัดนี้แล้วคุณผู้อ่านคงอยากจะรู้แล้วใช่ไหมครับว่าร้านที่ผมท้าทายให้ไปลองนี้ตั้งอยู่แถวไหน บอกให้ก็ได้ครับว่าอยู่แถวสะพานควาย ตรงสถานีรถไฟฟ้าสะพานควาย ลงจากสถานีรถไฟฟ้ามาจะเห็นตึกขนาดเล็กชื่อตรีนลินพลาซ่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้าน Boots จากนั้นเดินเข้าซอยไปนิดนึงจะเห็นร้านข้าวมันไก่มงคลวัฒนาครับ ร้าน Tie Coffee ก็ตั้งอยู่หน้าร้านข้าวมันไก่นั่้นเอง แนะนำว่าให้ไปก่อน 11 โมงหรือไม่ก็หลังบ่ายโมงครับ เพราะคนจะเริ่มน้อย ไม่ต้องรอนาน อ้อ ขอบอกอีกอย่างครับว่าข้าวมันไก่ร้านนี้เค้าอร่อยมากครับไม่ธรรมดาจริงๆ ใครอยากไปพิสูจน์คำรับรองของผม หรืออยากจะไปท้าทายในฝีมือคนชงของร้าน Tie Coffee ก็ไปลิ้มลองกันได้ครับ ร้านเค้าเปิดทุกวัน โดยคนชงกาแฟรอบเช้าชื่อน้อง"ปุ๊กกี้" และรอบบ่ายชื่อ "น้องแคท" ครับ ดีจริงสมคำโม้ของผมหรือไม่ อร่อยเหมือนที่ผมพูดหรือเปล่า การลองไปชิมเท่านั้นจึงจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ครับ สวัสดี


                                                                                                           กาลาโต้


5 ความคิดเห็น:

กาแฟสด กล่าวว่า...

ขอบคุณที่รีวิวให้ครับ เดี๋ยวจะเอาน้องไปให้น้องปุ๊กกี้ดู สงสัยจะอายแหงๆ

สามก๊กวิทยา กล่าวว่า...

สามก๊กวิทยา มาโหวตให้ครับ(12)
ว่าง ๆ เชิญไปโหวตให้กันด้วยนะครับ
http://www.thailandblogawards.com/blogs/show/1449

Unknown กล่าวว่า...

555 น้องปุ๊กกี้เช้า เจอน้องแคท รอบบ่าย แบบนี้ลูกค้าจะชอบมใครมากกว่ากันนะ♥

Unknown กล่าวว่า...

ได้เลยครับเดี๋ยวแวะไปโหวตให้♥

ร้านอาหารจานเปล กล่าวว่า...

มิน่าพี่ไปคราวนี้ไม่ได้กินเลย..ปกติจะแวะซื้อและกินข้าวมันไก่..ตลอด..บ้านอยู่ในซอย 1/1 ย้ายไปไหน..ก็จะตามไปกิน..555...หนีไม่พ้นหรอก...

แสดงความคิดเห็น