วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555 | By: กาลาโต้

Blend Storming : WIFI-WI FREE มีแล้วดี.....จริงหรือ?

        ช่วงนี้ได้มีโอกาสดู commercial ads ตัวหนึ่งของทางค่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือสีเขียวที่ออกอากาศมาได้เกือบเดือนแล้ว เป็นโฆษณาที่สื่อให้เห็นถึงความแรงของสัญญาณโทรศัพท์ ทั้งเครือข่ายและ 3 G โดยทำเป็นตอนสั้นๆ หลายตอน แต่ตอนหนึ่งที่ผมให้ความสนใจก็คือตอนที่ presenter กล่าวว่าทำงานเป็น freelance จึงต้องทำงานอยู่ในร้านกาแฟบ่อยๆ ดังนั้นจึงต้องใช้เครือข่ายที่สมบูรณ์แรงและเร็ว และนั่นเองจุดประกายให้เป็นที่มาของเรื่องในตอนนี้ครับ



       หากย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนสมัยที่การโทรคมนาคมไร้สายในบ้านเรายังไม่เจริญ ไม่มี 3 G หรือ WIFI ใช้เป็นล่ำเป็นสันอย่างทุกวันนี้ เวลาเราไปที่ร้านกาแฟจะเห็นคนพก notebook เสียบ air card นั่งจิบกาแฟเล่นอินเตอร์เน็ตกันอย่างดาษดื่นจนเกิดเป็นวัฒนธรรมที่ฮิตมากในขณะนั้นถึงขนาดที่ว่าหากใครเล่น notebook จิบกาแฟ จะดูดีมีชาติสกุล เท่ห์มากเลยทีเดียว แต่ในตอนนั้นก็เกิดปัญหาให้กับร้านกาแฟร้านใหญ่ๆ ด้วยเช่นกันนั่นก็คือลูกค้าเหล่านี้มักจะพยายามถามหาปลั๊กเสียบเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ notebook โดยบางคนที่เขาใช้งานจริงก็มี แต่ส่วนใหญ่ (ตอนนั้น) มักนั่งแช่เป็น 3-4 ชั่วโมงเอาเท่ห์เสียมากกว่าทั้งๆที่สั่งกาแฟเพียงแก้วเดียวเท่านั้น เรื่องค่าเน็ต air card คงไม่มีปัญหาเพราะเจ้าของเป็นคนจ่ายค่า airtime เองแต่ค่าไฟนี่สิผู้รับผิดชอบกลับต้องเป็นร้านกาแฟ ซึ่งตอนนั้นจัดว่าเป็นปัญหาระดับต้นๆ ของทางร้านกาแฟเลยทีเดียว ถ้าร้านไหนไม่มีปลั๊กเสียบชาร์จไฟ ลูกค้าก็จะไม่ค่อยนั่ง ไปนั่งร้านอื่นที่มีปลั๊กเสียบดีกว่าเพราะถือว่าราคากาแฟก็ไม่ต่างกัน (ซึ่งนั่นเป็นมุมมองของผู้บริโภค) แต่ถ้าจะมีให้บริการปลั๊กเสียบแล้วภาระก็จะตกอยู่ทางร้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยทันที ทั้งค่าไฟที่ต้องเพิ่มขึ้นแถมอาจเสียโอกาสทางการขายเพราะลูกค้านั่งแช่ (ซึ่งเป็นมุมมองของเจ้าของร้าน) หลังจากฟันฝ่าลองผิดลองถูกกันมานานในที่สุดก็ได้ข้อยุติที่ลงตัวคือบางร้านอนุญาตให้นำปลั๊กมาเสียบ notebook ได้แต่ขอคิดค่าไฟ 20 บาท/ครั้งจะเล่นตั้งแต่เช้าร้านเปิดจนร้านปิดก็ไม่มีใครว่า ถือว่าถัวๆ กันไป  win win กันทั้ง2 ฝ่าย แต่ในขณะที่ร้านกาแฟร้านใหญ่ๆ หรือร้านที่ยังใจดีกับลูกค้าก็ยังคงมีอยู่ยอมแบกรับค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ นี้ไว้เพื่อแลกกับความเป็นขาประจำของลูกค้านั่นเอง



       มายุคปัจจุบันเมื่อมีการพัฒนาการสื่อสารให้ดีขึ้นดูเหมือนว่า trend WIFI มีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น WIFI ตามที่สาธารณะ ตามห้าง ร้านอาหาร และสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นร้านกาแฟนั่นเอง หลายคนบอกว่า WIFI ช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้น ไม่ว่าการรับส่งอีเมล์ การอ่านข้อความประกาศต่างๆ ที่ทางองค์กรส่งมาให้  แต่ที่ฮอตฮิตมากกว่าใครๆ คือการช่วยให้เราติดตามข่าวสาร post ภาพ  check in หรือ ทวีตข้อความผ่าน social network อย่าง facebook foursquare twitter ได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที ต่อไปนี้เวลาเราจะกิน cake สักชิ้น ถ่ายรูปแชะ upload รูปผ่าน WIFI  ก็ไปปรากฎอยู่บนโลก cyber ได้ทันที ไวกว่าต้มมาม่าเสียอีกและ WIFI นี่เองก็เป็นเหตุที่ทำให้บรรดาร้านกาแฟต้องมีการปรับตัวกันอีกครั้งหนึ่งเหมือนเมื่อหลายปีมาแล้ว.....



       พฤติกรรมผู้บริโภคกาแฟเริ่มเปลี่ยนแปลงไปบ้างจากเดิมที่มองหาร้านกาแฟอร่อยๆ มีลูกค้าบางส่วนเริ่มที่จะมองหามูลค่าเพิ่มจากร้านกาแฟซึ่งถือกันว่าเป็นผลพลอยได้อาทิเช่น ร้านนี้มีห้องน้ำหรือไม่ หรือร้านนี้มีของว่าเสริฟคู่กาแฟหรือเปล่า และที่สำคัญก็คือร้านที่จะไปนั่งนั้น "มี "WIFI" ไหม?
       สังเกตได้ว่าร้านไหนที่ให้บริการ WIFI ร้านนั้นดูเหมือนลูกค้าจะเพิ่มมากขึ้นแต่ก็ไม่แน่ใจว่ายอดขายจะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยหรือไม่เพราะบางคนก็มาเพื่อเล่น WIFI นั่งแช่หลายๆ ชั่วโมงก็มี แต่ก็เกิดกระแสนิยมและสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับคนทั่วไปคิดว่า ร้านไหนที่มี WIFI ร้านนั้นต้องเป็นร้านกาแฟที่อร่อยได้มาตรฐานแน่นอน ทั้งๆ ที่บางครั้งตัวเองไม่ได้ใช้ WIFI เลยก็ตาม นี่เองเป็นสาเหตุให้บรรดาร้านกาแฟน้อยใหญ่เริ่มหา WIFI มาบริการในร้านของตัวเองบ้างเพื่อเรียกลูกค้าและกระตุ้นยอดขาย
       หากเป็นผู้ประกอบการวัยรุ่น ประเภท Gen X, Gen Y ก็คงไม่ค่อยมีผลอะไรเท่าไหร่เพราะปกติก็ใช้คอมพิวเตอร์หรือ notebook เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การติดตั้ง WIFI ในร้านก็เปรียบเสมือนว่าติดตั้งไว้เล่นเอง มีแชร์ให้ลูกค้ามาเล่นบ้างก็ไม่เห็นเป็นอะไรถือเป็นการบริการลูกค้า แต่ถ้าเป็นร้านกาแฟที่เจ้าของไม่ถนัดเรื่องเทคโนโลยีแล้วการนำ WIFI มาให้บริการในร้านย่อมหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และ WIFI ก็ไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตียอดขายว่าจะเพิ่มขึ้นหรือไม่อีกด้วย
      



       สำหรับ WIFI ในร้านกาแฟบ้านเรานี้พอจะจำแนกได้เป็น 3 แบบใหญ่ๆ คือ
      
        1.WIFI Free ไม่มีเงื่อนไข WIFI ประเภทนี้จะเป็นประเภทเปิด Opern ไม่มีการตั้งรหัสใดๆ ไว้ ใครที่จับเจอสัญญาณก็สามารถ Log in เข้ามาใช้งานได้เลย ซึ่งมีข้อดีสำหรับลูกค้าคือใช้งานง่าย เข้าปุ๊บใช้ได้เลยไม่ต้องมีพิธีรีตองแต่ข้อเสียคือคนนอกที่จับสัญญาณได้ก็สามารถเข้ามาใช้งานได้และถ้ามีคนใช้งานมากๆ อาจทำให้สัญญาณความเร็วช้าตามไปด้วย ส่วนเจ้าของร้านเองก็คงต้องเสี่ยงกับการที่คนจับสัญญาณ WIFI ร้านเล่นฟรีแต่ไม่ซื้อสินค้า

       2.WIFI Free แต่มีเงื่อนไข WIFI ประเภทนี้ดูเหมือนจะเป็นการแก้ปัญหาที่ Win Win ทั้งเจ้าของร้านและผู้ใช้บริการ กล่าวคือร้านมี WIFI ใ้ห้ลูกค้าใช้งานแต่ลูกค้าต้องใช้บริการในร้านก่อนจึงสามารถขอรหัสใช้บริการ WIFI ได้ ซึ่งประเภทนี้เราจะเห็นเริ่มมีเยอะขึ้น WIFI ของร้านก็ได้ให้บริการเฉพาะลูกค้าที่ใช้บริการจริงๆ ส่วนลูกค้าที่ไปใช้บริการก็คิดว่าตนเองได้สิทธิพิเศษจากการให้บริการนั้น

       3.WIFI ไม่ Free WIFI ประเภทนี้มักจะพบได้ตามร้านกาแฟพรีเมี่ยมใหญ่ๆ ที่เป็น franchise โดยทางร้านจะมีการทำสัญญากับทาง operator ผู้ให้บริการ WIFI มาติดตั้งสัญญาณและแบ่งส่วนแบ่งที่ได้กับตามแต่ตกลง โดยผู้ใช้บริการในร้านไม่สามารถใช้บริการ WIFI ได้ ต้องซื้อชั่วโมง WIFI ก่อนจึงจะใช้ได้ โดยปัจจุบันก็มีลูกค้าเริ่มเรียกร้องให้ร้านกาแฟเหล่านั้นปล่อยให้บริการ WIFI ฟรีบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

       บทสรุปสำหรับบทความในตอนนี้ไม่ได้ชี้เจาะจงลงไปว่าการมี WIFI ในร้านกาแฟนั้นดีหรือไม่ดี เพราะสามารถมองได้หลายมุมทั้งในแง่ของผู้ประกอบการร้านกาแฟและผู้ใช้บริการร้านกาแฟ เพียงแต่ว่าการจะนำ WIFI เข้ามาในร้านนั้นทางผู้ประกอบการต้องใคร่ครวญและคำนึงถึงผลที่จะได้รับก่อนการตัดสินใจเพราะถ้าเราเร่งรีบนำเข้ามาใช้แล้วไม่ work จึงยกเลิกภายหลังจะทำให้ภาพลักษณ์ของร้านดูไม่ดีนัก ส่วนตัวผู้บริโภคเองก็เช่นกันควรคำนึงว่าการที่ร้านให้บริการ WIFI นั้นเพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกในการทำงานให้กับลูกค้าเช่นต้องเช็คเมล์ด่วนหรือตอบเมล์ด่วน ดังนั้นก็ควรที่จะพอดีๆ ใช้งานเสร็จก็เปิดทางให้คนอื่นได้ใช้บ้าง ผมเคยเห็นบางคนเข้าร้านมายังไม่ทันสั่งกาแฟเลยถามหา password WIFI เพื่อเข้าโหลดเกมส์ โหลด apps แล้ว เอาเป็นว่าช่วยๆ กันเถอะครับ ถ้าร้านเค้าอยู่ได้คุณเองก็อยู่ไ้ด้เช่นกัน อีกอย่างอย่าลืมนะครับว่าที่เรามาร้านกาแฟจุดประสงค์หลักของเราคืิอเพลิดเพลินกับการดื่มกาแฟถ้าเราตั้งใจมาเพื่อเล่น WIFI แล้วล่ะก็กาแฟแก้วนั้นจะมีความหมายอย่างไร....สวัสดีครับ

                                                                                    
                                                                                                                     กาลาโต้

3 ความคิดเห็น:

กาลาโต้ กล่าวว่า...

ตอนนี้มี facebook fanpage แล้ว ใครถูกใจ blog นี้ก็ไปกด like กันได้นะครับ

armopenmind กล่าวว่า...

ไม่ทราบว่าระหว่างเขียน blog คุณกาลังต้วม เขียนที่ร้านกาแฟหรือป่าวครับ ผมก้เป็นคนหนึ่งที่หนีความวุ่นวายจากที่ทำงาน หรือบ้านออกไปทำงานร้านกาแฟด้วยเหมือนกันเนื่องจากเป็นคนชอบทำลายตับ เขาบอกว่า กาแฟดำ อาเมริกาโน่ มันดีท๊อก ตับ ไม่ให้เป็นมะเร็ง เลยไปนั่งทำงานพร้อมกับกาแฟ แต่ก็ไม่รู้จะคุ้มไหมกับค่าไวไฟ ที่ รวมๆแล้วจ่ายไป เกือบ ๆ 200 ทุกทีเพราะว่าไปฝากท้องด้วย ผมว่าไวไฟตามร้านกาแฟยังดีกว่า ไวไฟฟรีที่รถแล่นผ่านก็หลุด คิดเหมียนกันมะ

กาลาโต้ กล่าวว่า...

Wifi ตามร้านกาแฟก็ต้องดูด้วยครับ บางร้านใจป้ำใช้ wifi ที่แรงหน่อยก็ฉลุย บางร้านแถวเดอะมอลล์ท่าพระใช้ wifi ความเร็วไม่สูงมากใช้เกิน 2คนนี่โหลดไม่ขึ้นเลยครับ ยังไงถ้าคิดจะทำงานที่ต้องใช้เน็ตในร้านกาแฟเรื่องความเร็วเน็ตก็เป็นเรื่องที่ควรพิจารณาครับ

แสดงความคิดเห็น